หลังจากเปิดตัวป๊อปอัพสโตร์แห่งแรกในกรุงเทพฯ ไปไม่นาน และสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวแน่นกลางใจเมือง ทำให้ยอดขายออนไลน์ของ CASETiFY เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่ออัตราการเติบโตถึงสองหลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และได้ฐานลูกค้าใหม่ในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว
จากความสำเร็จในก้าวแรกนี้ CASETiFY มั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าลุยตลาดไทยอย่างเต็มตัว โดยมีแผนที่จะเปิด CASETiFY Studio ถาวรภายในปี 2023 นอกเหนือจากนั้น ทางแบรนด์วางแผนสร้างสรรค์กิจกรรมที่จะเชื่อมต่อกับลูกค้าชาวไทยได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงการคอลแลบกับแบรนด์ชั้นนำในประเทศ และศิลปิน นักออกแบบชาวไทยอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อะไรทำให้ ‘CASETiFY’ เคสมือถือจากฮ่องกงประสบความสำเร็จทั่วโลก ยึดเกาะสมาร์ทโฟนเหนียวแน่น
- CASETiFY ปักหมุด เปิดป๊อปอัพสโตร์แห่งแรกในไทย ณ เซ็นทรัลเวิลด์ แล้ววันนี้
- CASETiFY ออกเคสลายใหม่ที่ชวนแฟนคลับวู้ดดี้และผองเพื่อนจาก Toy Story มาย้อนจินตนาการในวัยเด็ก
“เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับการเปิดตัว CASETiFY Pop-Up Store แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเราจะได้พบกับกลุ่มลูกค้าชาวไทยที่ให้การสนับสนุนผ่านการสั่งสินค้าทางออนไลน์ตลอดมา หลังจากนี้เรายังจะมอบความพิเศษให้กับลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน และยังเปิดกว้างสำหรับนักออกแบบและครีเอทีฟชาวไทยให้ได้นำความเป็นไทยมาสู่แบรนด์ CASETiFY ในอนาคตอีกด้วย” Wesley Ng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง CASETiFY กล่าว
CASETiFY (เคสติฟาย) ถือกำเนิดในฮ่องกง ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยในปี 2020 สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) สูงถึง 70%
CASETiFY ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคช่วง Gen Z ซึ่งสามารถเข้าถึง 1 ใน 5 ของผู้บริโภค Gen Z ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย จากการเติบโตดังกล่าว CASETiFY ได้คาดการณ์ว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้ถึง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% ของตลาดอุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีทั่วโลก
แม้ว่า CASETiFY จะเป็นแบรนด์ D2C (Direct to Consumer) มาอย่างยาวนาน แต่การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการเปิดร้านค้าปลีกแบบออฟไลน์ (CASETiFY Studio) เห็นได้จากความสำเร็จในการขายอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาของร้านค้าปลีก 18 แห่งทั่วเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งหน้าร้านจริงมีผลต่อการเพิ่มการรับรู้ในตลาดนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงและหลากหลาย รวมถึงการตกแต่งที่มีสีสันเป็นไฮไลต์
CASETiFY มียอดขายเฉลี่ยต่อตารางฟุตใน CASETiFY Studio 18 แห่งทั่วเอเชีย-แปซิฟิกในปี 2021 อยู่ที่ 1,441 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ายอดขายทั่วโลกของร้านค้าออนไลน์ระดับโลกอย่าง Lululemon (1,560 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยยอดขายสูงสุดอยู่ที่ CASETiFY Studio Hong Kong ซึ่งมีมูลค่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางฟุต ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยทั่วโลกของ Tiffany & Co. (2,951 ดอลลาร์สหรัฐ)
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ CASETiFY มีเป้าหมายที่จะเปิดร้าน 100 แห่งภายในปี 2025 โดย 20 ร้านจะตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดที่ทำรายได้สูงสุดจากทั่วโลก ซึ่งสาขาแรกที่เปิดให้บริการ ตั้งอยู่ในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนีย (เปิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2022)
และมีแผนเปิดสาขาอื่นๆ ทั่วทั้งชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกอีกด้วย นอกเหนือจากสหรัฐฯ CASETiFY กำลังเดินตามแผนการเปิดตัวร้านค้าในเมืองอื่นๆ อีก 5 เมืองทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้แก่ ซิดนีย์ เซี่ยงไฮ้ ไทเป โซล และโตเกียว