ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริดแล้ว จะเป็นนักฟุตบอลหรือโค้ชคนไหนก็ตาม หากได้รับการติดต่อทาบทามแล้วก็ยากที่จะปฏิเสธถึง แม้ว่าเรอัล มาดริดในเวลานี้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อย่างหนักก็ตาม
ไม่ถึงสัปดาห์หลังจากที่ ซีเนดีน ซีดาน ยอดโค้ชชาวฝรั่งเศส ผู้เป็นยิ่งกว่าตำนานตลอดกาลของซานติอาโก เบร์นาเบว ได้ขอแยกทางกับสโมสรโดยให้เหตุผลว่า “สโมสรไม่สามารถให้ความมั่นใจเหมือนที่ผ่านมาได้” ปฏิบัติการในการหาตัวตายตัวแทนคนใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที
และเรื่องก็เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 วันดี ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า คาร์โล อันเชล็อตติ จะกลับมาเข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของทีม Los Blancos อีกครั้ง
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่แอบช็อกวงการอยู่บ้าง เพราะนับตั้งแต่มีกระแสข่าวจนมีการแต่งตั้งนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะสำหรับทีม ‘ทอฟฟี่สีน้ำเงิน’ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่า ‘คาร์เล็ตโต’ กุนซือที่มีประสบการณ์สูงระดับท็อปของวงการจะเป็นผู้ที่นำพาสโมสรทวงคืนความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะพบกับความจริงว่าโค้ชวัย 61 ปีตัดสินใจทิ้งทีมราวสายฟ้าแล่บ
โดยในรายละเอียดนั้น The Times เปิดเผยว่า เดิมทีอันเชล็อตติก็ไม่ได้คิดที่จะกลับไปหาเรอัล มาดริดอีกครั้งแต่อย่างใดหลังจากที่ได้รับการติดต่อมาในเบื้องต้นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่หลังจากที่ได้รับการแจ้งถึงความตั้งใจจริงของทาง ฟลอเรนติโน เปเรซ ที่อยากได้โค้ชที่มีประสบการณ์อย่างอันเชล็อตติเข้ามาประคองสถานการณ์ทีมซึ่งตกที่นั่งลำบากหลังซีดานตัดสินใจที่จะอำลาทีมไป และพลาดการได้ตัว มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ตัวเต็งก่อนหน้านี้ซึ่งกลับไปยูเวนตุส ทางด้านอันเชล็อตติจึงได้แจ้งความประสงค์ต่อ ฟาฮัด โมชิริ เจ้าของสโมสรว่า ต้องการที่จะกลับไปทำงานในสเปนอีกครั้ง
การเจรจาเพื่อขออิสระจากสัญญาที่อันเชล็อตติได้รับค่าตอบแทนมหาศาลกับเอฟเวอร์ตันที่มีระยะเวลาถึงปี 2024 และค่าเสียหายที่เรอัล มาดริดต้องจ่ายให้จึงเริ่มต้นขึ้น ซึ่งทุกอย่างเสร็จสิ้นเมื่อวันอังคารที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
อันเชล็อตติที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2019 ต่อจาก มาร์โก ซิลวา และอยู่กับทีมมานาน 18 เดือนกล่าวในแถลงการณ์อำลาเอฟเวอร์ตันว่า “ผมอยากขอบคุณบอร์ดบริหาร, ผู้เล่น และเอฟเวอร์โตเนียนทุกคนสำหรับการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมที่พวกคุณมีให้ผมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมเคารพทุกคนอย่างสูงสุดและหวังว่าพวกคุณจะสามารถประสบความสำเร็จได้ในโอกาสที่น่าตื่นเต้นที่รอคอยอยู่ในอนาคต
“ขณะที่ผมกำลังสนุกกับชีวิตที่เอฟเวอร์ตัน ผมก็ได้รับโอกาสที่มาแบบไม่คาดฝัน ซึ่งผมเชื่อว่ามันจะเป็นการก้าวเดินที่ถูกต้องสำหรับผมและครอบครัวของผมในเวลานี้”
ก่อนที่เขาจะโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ดูแล้วรู้สึกถึงความยินดีว่า ‘Hala Madrid!!!’
สำหรับเรอัล มาดริดแล้ว อันเชล็อตติซึ่งเคยคุมทีมในปี 2013-2015 เปรียบได้กับ ‘ทางออกฉุกเฉิน’ ที่ค่อนข้างดี เพราะนอกจากจะเคยมีประสบการณ์ในการคุมทีมมาก่อนแล้ว คุ้นเคยกับหน้าที่และความกดดัน ด้วยฝีมือและประสบการณ์ของอดีตกุนซือเอซี มิลาน, ยูเวนตุส และเชลซีค่อนข้างการันตีได้ในระดับหนึ่ง
อันเชล็อตติยังเป็นโค้ชที่เก่งในเรื่องของการใช้ทีมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหรือระบบอะไรมากมาย ซึ่งเข้ากับสถานการณ์ของสโมสรที่คาดว่าจะต้องใช้ผู้เล่นชุดเดิมๆ ต่อไปอย่างน้อยอีกหนึ่งฤดูกาล
เป็นการซื้อเวลาให้ฝ่ายบริหารของสโมสรที่นำโดยประธานเปเรซได้หาทางพาสโมสรผ่านช่วงวิกฤตให้ได้ ซึ่งคาดว่าในฤดูกาลหน้าที่แฟนฟุตบอลน่าจะสามารถกลับมาชมเกมในสนามได้อีกครั้งนั้นสถานการณ์ทางการเงินของทีมจะดีขึ้น
ฟากฝ่ายเอฟเวอร์ตันซึ่งเป็นฝ่ายถูกทิ้ง (โดยเฉพาะ ฮาเมส โรดริเกซ ที่ถูกอันเชล็อตติทิ้งเป็นครั้งที่ 3!) นั้น ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ถึงทางตันแต่อย่างใด เพราะยังมีกุนซือฝีมือดีที่อยู่ในข่ายที่น่าสนใจอยู่หลายคน ซึ่งรวมถึงชื่อที่น่าตื่นเต้นอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมลิเวอร์พูลที่กำลังร้อนแรงพากลาสโกว์ เรนเจอร์ส กลับมาผงาดคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่มีรายงานข่าวใน The Athletic
แต่ 2 คนที่ถูกจับตามองว่ามีโอกาสมากที่สุดคือ นูโน เอสปิริโต ซานโต อดีตผู้จัดการทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่เพิ่งประกาศอำลาสโมสรอย่างน่าเศร้าเมื่อช่วงสิ้นสุดฤดูกาลที่ผ่านมา
และอีกคนคือชื่อที่เอฟเวอร์โตเนียนคุ้นเคยเป็นอย่างดีอย่าง เดวิด มอยส์ กุนซือที่แฟนบอลรักมากที่สุดคนหนึ่งจากผลงานการคุมทีมที่ยาวนานตั้งแต่ปี 2003-2013 ก่อนที่จะตัดสินใจก้าวไปรับตำแหน่ง ‘The Chosen One’ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นคนตัดสินใจเลือกเขาด้วยตัวเอง
ในรายของนูโนนั้น ผลงานการพาวูล์ฟส์ก้าวจากระดับเดอะแชมเปียนชิปไปสู่การได้โชว์ตัวในรายการยูโรปาลีกฤดูกาลนี้ ถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง ทีม ‘หมาป่า’ เป็นทีมที่เล่นอย่างมีสไตล์อย่างยิ่ง
แต่โชคร้ายที่ในฤดูกาลนี้พวกเขาเสียตัวเอกของทีมอย่าง ราอูล ฮิเมเนซ ศูนย์หน้าจอมแกร่งที่ประสบอุบัติเหตุกะโหลกศีรษะร้าวในจังหวะปะทะกับ ดาวิด ลุยซ์ ในเกมที่พบกับอาร์เซนอล จนต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาและไม่สามารถกลับมาช่วยทีมได้ไหว จนทำให้ผลงานของทีมตกลงอย่างน่าใจหาย
ด้วยสไตล์แล้ววูล์ฟสของนูโนถือว่ามีความคล้ายคลึงกับเอฟเวอร์ตันของอันเชล็อตติอยู่บ้าง ทั้งการเน้นจู่โจมทางริมเส้น การเล่นตามจังหวะเกมอย่างชาญฉลาด และการรีดศักยภาพของนักเตะออกมาให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ดี ชื่อของมอยส์นั้นยังอยู่ในใจของเอฟเวอร์ตันเสมอ และในปี 2018 เขาก็เคยได้สัมภาษณ์งานด้วยก่อนจะไปคุมทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ดแทน และสามารถพาทีม ‘เดอะ แฮมเมอร์ส’ สร้างผลงานสุดประทับใจด้วยการเข้าไปเล่นในรายการยูโรปาลีกฤดูกาลหน้าได้อย่างสวยหรู กอบกู้ชื่อเสียงของกุนซือที่เคยเกือบหมดอนาคตในวงการฟุตบอลอังกฤษได้
หากเอฟเวอร์ตันเลือกมอยส์จริง และกุนซือชาวสกอตแลนด์วัย 58 ปีตัดสินใจกลับมา จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องโรแมนติกของเกมลูกหนังเมืองผู้ดี
โดยที่เวสต์แฮมเองก็อาจจะเลือกนูโนมาแทนที่มอยส์ เพราะเป็นตัวเลือกที่น่าจะดีที่สุดในเวลานี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: