จากนี้ไป ‘โอกาส’ จะเป็นของคนที่อ่านบทความนี้
ออกตัวก่อน…นี่ไม่ใช่บทความชวนเชื่อ แต่แค่เชื่อว่าถ้าคุณได้รู้ว่า CardX คือใคร? มีเครื่องมืออะไรอยู่ในมือ? คุณจะเข้าใจทันทีว่าทำไม CardX ถึงช่วยให้ ‘ทุกโอกาสเป็นไปได้’ และ #เป็นได้อีกเยอะ
เรื่องแบบนี้ใครอธิบายก็ไม่เหมาะเท่ากับ เมธี จารุมณีโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานการตลาด CardX ผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั้นแบรนด์ CardX เรือธงหลักของกลุ่มธุรกิจ SCBX ที่สปินออฟจากยานแม่ตั้งแต่ปี 2565 เพื่อส่งต่อภารกิจสำคัญในการช่วยสร้างโอกาสที่ดีกว่า ผ่านบริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยนำศักยภาพและขีดความสามารถด้าน Artificial Intelligence (AI), Digital Platform & Emerging Technologies และ Partner Ecosystem มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น เป็นธรรมมากขึ้น มีความปลอดภัย และมีอิสรภาพทางการเงินและอำนาจในการจับจ่ายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
หัวใจสำคัญของ CardX คือ ‘การเป็นสินเชื่อที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม’ นี่คือแนวคิดการสร้างแบรนด์ที่เมธีกล่าวย้ำตลอดการสนทนา
“เราอยากเป็นองค์กรที่สร้างแพลตฟอร์มทางการเงินแห่งอนาคตที่เข้าถึงผู้คนได้ง่าย ซึ่งจะเชื่อมโยงไปกับ Brand Purpose ของเราคือ ต้องการสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ และมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน เป้าหมายของเราคือ ต้องการเข้าถึงคนไทย 25% ของประชากรทั้งประเทศ หรือประมาณ 20 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีหลากหลาย ทั้งคนที่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ คนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ หรือที่เราเรียกว่ากลุ่ม Underbanked และต้องพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ”
พันธกิจ ‘สร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ’
เมธีบอกว่า พันธกิจของ CardX ที่จะสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ ถูกต่อยอดมาจากวิสัยทัศน์ของ SCBX ที่เล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียม
“โจทย์ของเราคือ จะช่วยคนที่เสียเปรียบเรื่องการเข้าถึงสินเชื่อที่ไม่เป็นธรรมอย่างไร ตอนสร้างแบรนด์เราจึงปักธงว่า เราจะต้องเป็นแบรนด์ที่หยิบยื่นโอกาสทางการเงินให้กับทุกคนอย่างรับผิดชอบ โดยต้องเป็นความรับผิดชอบในส่วนของลูกค้าและความรับผิดชอบในส่วนของเรา”
เมธีขยายภาพความรับผิดชอบในส่วนของ CardX จะมาในรูปแบบของ ‘ดอกเบี้ย กระบวนการ และการชี้แจงที่เป็นธรรม’ ทั้งหมดนี้จะต้องทำอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบ
อาจฟังดูย้อนแย้ง เพราะหากมองอีกมุม วันนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหนี้สาธารณะหรือหนี้ครัวเรือน การกระตุ้นให้คนสามารถสร้างหนี้ได้อย่างง่ายดายจะกลายเป็นดาบสองคมหรือไม่ เมธีบอกว่า หนี้ครัวเรือนเป็นเรื่องที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน หรือบริษัทที่ปล่อยเงินกู้ ช่วยกันเร่งหาทางออก เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียตามมาจนส่งผลกระทบสร้างความเสี่ยงระดับประเทศ
“เรามีบทบาทสำคัญอย่างไรในการบริหารจัดการ เพื่อให้สอดคล้องไปกับทิศทางที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือในการเฝ้าระวังหนี้ครัวเรือน อย่างแรกคือ ระมัดระวังเรื่องการสื่อความที่อาจสุ่มเสี่ยงให้คนใช้จ่ายโดยไม่ตรึกตรองให้ดี และสิ่งต่างๆ ที่เราจะทำต่อไปคือ การให้ความรู้ด้านการเงิน การวางแผน และความเข้าใจเรื่องการเป็นหนี้ นี่คือหน้าที่ของเราที่เลี่ยงไม่ได้
“สิ่งที่เราเริ่มทำแล้วคือ สร้างคอนเทนต์ที่ให้ความรู้ด้านการเงิน บอกให้ผู้บริโภครู้ว่าเขาต้องเตรียมตัวอย่างไร ทำอย่างไร และวางแผนการเงินอย่างไร ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ปรับวิธีสื่อความให้สนุก ย่อยง่าย และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ออกมาเน้นย้ำเรื่องผู้ให้กู้ที่มีความรับผิดชอบ”
ในอนาคตนอกจากคอนเทนต์ที่จะช่วยให้ผู้บริโภครู้จักวางแผนการเงินและใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดชอบแล้ว เมธีบอกว่า ประสบการณ์การใช้งานผ่านแพลตฟอร์มการเงินของ CardX จะเป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยสร้างวินัยทางการเงินให้กับลูกค้า
“ในอนาคต Mobile Platform ก็จะมีการเตือนเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ หรือเป็นการสะกิดเตือนว่าตอนนี้เขากำลังใช้จ่ายเกินกำลัง เราไม่ได้มองว่ามันคือการติดตามทวงหนี้ แต่คือความรับผิดชอบร่วมกัน เรามาในฐานะที่ปรึกษาไปในตัวและให้ความรู้คู่กันไป ก็จะช่วยให้วันพรุ่งนี้ของทุกคนในฐานะผู้ให้กู้และคนที่มองหาสินเชื่อ มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน เพราะเราคงไม่ได้อยากให้สินเชื่อกับทุกคนโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเขาเองมีความสามารถในการชำระคืนได้หรือไม่ สำคัญที่สุดคือ เราไม่อยากก่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น”
เขายกตัวอย่างโปรแกรม ‘ดีจัง’ ลูกค้าสามารถเลือกผ่อนและวางแผนการเงินได้ว่าจะผ่อนเท่าไร หรือถ้ามีปัญหายังตัดสินใจไม่ได้เราก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้น CardX นำศักยภาพและขีดความสามารถด้าน AI, Digital Platform & Emerging Technologies รวมถึง Partner Ecosystem มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
เมธีเล่าว่า CardX ลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท สร้าง Seamless Digital Platform นำเสนอ Hyper-Personalization ผ่าน AI Technology รวมถึงพัฒนาระบบ Cloud Native Infrastructure เพิ่มศักยภาพในการรองรับฐานข้อมูลลูกค้า และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งข้อมูล (Data Sources) ได้อย่างเรียลไทม์ (Real Time)
“AI เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น มีการนำ Data มาวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อและการใช้จ่ายที่ง่าย ตรงใจ และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของทุกกลุ่ม ในอดีตเราอยู่ภายใต้ธนาคาร เราจะมองลูกค้าที่มาขอสินเชื่อในกลุ่มธนาคาร แต่พอเราเป็น CardX ก็อยากจะมี Data Sources ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเราจริงๆ เขามีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไร มีความสุ่มเสี่ยงและแนวโน้มการใช้จ่ายช่วงไหน เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของเขาได้ง่ายขึ้น”
เพราะความต้องการของผู้บริโภควันนี้ไม่ใช่ One Size Fits All อีกต่อไป เมธีบอกว่า เป็นความท้าทายของ CardX ที่จะต้องเข้าใจความต้องการที่แท้จริงจนสามารถตอบสนองความต้องการได้
“AI ยังทำให้เราได้เห็นว่า ศักยภาพของลูกค้าบางกลุ่มมีพฤติกรรมการชำระหนี้ดี หากเกิดเหตุฉุกเฉินอยากขยายวงเงิน คนกลุ่มนี้จะได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอน เพราะ AI บอกเราได้ว่านี่คือลูกค้าที่มีความสามารถในการชำระหนี้ เป็นการช่วยคาดการณ์และช่วยจำแนกว่าลูกค้ากลุ่มไหนที่เราจะให้บริการแบบไหน”
ไม่เพียงเฉพาะการอนุมัติหรือคาดการณ์ศักยภาพการชำระหนี้ แต่ AI จะมาช่วยออกแบบโปรโมชันที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลด้วย
“แต่ในความรับผิดชอบ เราเองก็หวังว่าลูกหนี้ที่มาขอสินเชื่อก็ต้องมีพื้นฐานของความรับผิดชอบในการรับผิดชอบชีวิตของตัวเองด้วย มันต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะเราเชื่อว่า สมการของความฝันที่จับต้องได้ต้องเกิดจากคนที่มีความมุ่งมั่น มีความรับผิดชอบในตัวเอง”
จึงเป็นที่มาของแคมเปญการตลาดสุดปังที่หยิบเอา ‘Music Marketing’ เครื่องมือการตลาดที่ทรงพลัง เพราะเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่ายแถมเข้าถึงได้ในวงกว้าง ผ่านซิงเกิลพิเศษ ‘เป็นได้อีกเยอะ (I’m possible)’ ชูแนวคิด ‘Everyone’s Financial Possibilities’ ร่วมเคียงข้างทุกฝัน ไม่ว่าจะมีฝันแบบไหนก็เป็นไปได้ และ #เป็นได้อีกเยอะ ดึง โบกี้ ไลออน และ โจอี้ ภูวศิษฐ์ นั่งแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ส่งต่อความเชื่อและพลังแห่งความเป็นได้ให้กับทุกฝันที่ตั้งใจ
เป็นได้อีกเยอะ (I’mpossible) สะท้อนความเชื่อและความจริงของทุกโอกาสที่เป็นไปได้
ทำไมต้องเป็น Music Marketing เมธีบอกว่า “มันย่อยง่าย เพราะ CardX เป็นแบรนด์ใหม่ ไม่มีใครรู้จัก และในสถานการณ์ที่เรารายล้อมด้วยมิจฉาชีพมากมายที่จะแฝงมา เรายิ่งต้องทำให้ CardX มีตัวตนที่ชัดเจนและมีความน่าเชื่อถือให้เร็วที่สุด Music Marketing เป็นเครื่องมือที่เสกความต้องการนั้นได้ ทำให้เรามีตัวตน สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ อาจเพราะคนไทยรักเสียงเพลง รักความสนุกสนาน และดนตรีก็เป็นภาษาสากลที่ใครก็เข้าถึงได้”
‘เป็นได้อีกเยอะ (I’m possible)’ บทเพลงที่ทำหน้าที่เล่าตัวตนของแบรนด์ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวความพิเศษและช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์ของ 3 ความฝัน ตัวแทนของกลุ่มลูกค้า CardX ที่ต้องพบเจออุปสรรค แต่ต้องข้ามผ่านเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง และทำให้เห็นว่าในยามที่ต้องการที่พึ่ง ขอแค่พร้อมจะเดินหน้า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ
“มิวสิกวิดีโอที่เราทำออกไปเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่สู้ชีวิตในสถานการณ์ที่เราเห็นได้รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานในออฟฟิศที่ต้องต่อยอดความฝันให้ลูกๆ หรือคนที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว หรือในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลายคนจำเป็นต้องใช้เงินแต่หมุนเงินไม่ทัน สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน การมีเงินฉุกเฉินจะช่วยให้เขาไม่ต้องกังวลกับภาระที่จะตามมา มันสะท้อนให้เห็นว่า วันนี้ถ้าเรามีโอกาสทางการเงินที่เข้าถึงง่ายและเป็นธรรม จะช่วยให้เราใช้ชีวิตแบบที่อยากจะเป็นได้”
นอกจากเนื้อเพลงและเรื่องราวในมิวสิกวิดีโอแล้ว องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เห็นภาพโอกาสทางการเงินที่เป็นไปได้สำหรับทุกคนคือ การเลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ต่างขั้วในสไตล์เพลง คนหนึ่งก็อาร์แอนด์บี อีกคนก็คันทรีร็อก มาทำงานร่วมกัน “นี่คือตัวอย่างของความเป็นไปได้อีกเยอะ” เมธีกล่าว
“ทั้งโจอี้และโบกี้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นทำตามความฝัน ทั้งคู่เคยผ่านช่วงชีวิตที่มีอุปสรรคแต่ไม่เคยย่อท้อ เดินหน้าทำตามความฝันจนสำเร็จได้อย่างในทุกวันนี้ เพราะการเลือกคนที่จะมาถ่ายทอดเมสเสจก็สำคัญ ต้องเป็นคนที่เชื่อว่าโอกาสและความฝันมันเป็นจริงได้ สองคนนี้เป็นตัวแทนของหนุ่มสาวที่มีความฝันและไม่เคยทิ้งฝัน เมื่อไรที่มีความฝันและใจยังสู้อยู่ ขอให้มองหาโอกาสเหล่านั้นและกระโจนเข้าไป”
“มีคำกล่าวหนึ่งที่ชอบมาก “โศกนาฏกรรมของชีวิตคือการมองข้ามโอกาสที่ผ่านเข้ามาของตัวเอง” มันจริงนะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะกระโจนเข้าหาโอกาสได้ เพราะโอกาสไม่ได้มาหาเราตลอดเวลา แต่เมื่อไรที่โอกาสผ่านเข้ามาแล้วเราปล่อยผ่าน มันเป็นเรื่องน่าเศร้า CardX ไม่อยากให้ทุกคนเกิดความรู้สึกแบบนี้ นี่จึงเป็นบทบาทสำคัญของแบรนด์ที่ทำให้คนเข้าใจได้ทันทีว่าโอกาสมีอยู่รอบตัว”
หลังเปิดตัวมิวสิกวิดีโอโฆษณาเพียง 1 วัน ยอดผู้เข้าชมก็ทะลุหลักล้าน พร้อมกับคอมเมนต์ที่แสดงความขอบคุณสำหรับการเป็นโอกาสในวันที่คนไทยเกือบจะหมดพลังใจจะสู้ต่อ
“ทุกเสียงตอบรับ ทุกคำขอบคุณ เป็นกำลังใจให้กับแบรนด์และคนทำแบรนด์ กำลังใจในแง่ที่ว่า เราได้เห็นคนมากมายเขามีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมามองหาโอกาส และมุ่งมั่นตั้งใจทำชีวิตให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันมันก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเมสเสจที่เราตั้งใจส่งไปมันถึงคนเหล่านั้นจริงๆ คนเริ่มรู้จัก CardX ในมุมที่เขาไม่เคยได้ยิน รู้ว่าเราเป็นใคร รู้ว่าเรามีเป้าหมายอะไร และเพราะเหตุใดถึงช่วยให้ทุกโอกาสเป็นไปได้และเป็นได้อีกเยอะ”
คุณก็เช่นกัน ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้คงรู้จัก CardX ดีพอระดับหนึ่ง แต่เมธีบอกว่านี่เป็นเพียงบันไดขั้นแรก
“วันนี้เชื่อว่าทุกคนรู้ว่า CardX สามารถสร้างความเป็นไปได้ทางการเงินอย่างรับผิดชอบ และมีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าร่วมกัน แต่บันไดขั้นถัดไปที่เราต้องก้าวขึ้นไปคือ ให้ CardX เป็นหนึ่งในทางเลือกของเขา ตอนนี้ทุกคนแค่ ‘รู้จัก’ แต่เรายังไม่ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจ หน้าที่ต่อจากนี้คือให้ข้อมูลของบริการต่างๆ ที่เรามี ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์คืออะไร ผลิตภัณฑ์แต่ละแบบเหมาะกับใคร และคนเหล่านั้นจะเข้าถึงได้อย่างไร เป็นสเต็ปของการหยิบโปรดักต์ต่างๆ มาพูดคุย”
ปัจจุบัน CardX มีผลิตภัณฑ์ในมือ 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ บัตรเครดิต CardX, บัตรกดเงินสด CardX SPEEDY CASH และสินเชื่อส่วนบุคคล CardX
ต่อจากนี้ต้องรอติดตามว่า CardX จะหยิบเครื่องมือหรือกลยุทธ์อะไรมาพูดคุยกับผลิตภัณฑ์ ที่แน่ๆ ต้องนำเสนอในรูปแบบที่สนุก ย่อยง่าย เพื่อให้ทุกโอกาสเป็นไปได้แน่นอน