วันนี้ (19 กันยายน) ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งหลังเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบจากเเยกอโศกมนตรีมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายใต้ชื่อกิจกรรม ‘ขับรถยนต์ชนรถถัง’ ว่า 15 ปีที่ผ่านมา มีการยึดอำนาจ 2 ครั้ง มีการเลือกตั้ง 2 หน ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร เห็นการปราบปรามประชาชน ขบวนการชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ผลของการเลือกตั้ง และกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน มีการอุ้มหาย มีการจับกุมคนไปขัง มีการไล่ล่าจนคนไทยด้วยกันต้องลี้ภัยต่างแดน ทั้งหมดก็เพื่อให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นความอัปยศที่สุดที่ในแผ่นดิน พล.อ. ประยุทธ์ ได้หลอมรวมคนทุกรุ่นทุกวัย รวมใจคนไทยต่างยุคสมัยเข้าด้วยกัน เดินเคียงข้างกัน เจ็บปวด แบกรับความรู้สึกกดดันทางการเมือง และมีความรู้สึกเดียวกัน คือ พล.อ. ประยุทธ์ ต้องออกไป
ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า วันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ ยังอยู่ พรุ่งนี้อาจจะยังอยู่ หรืออาจอยู่ครบสมัยของรัฐบาล แต่เราก็จะขับไล่จนกว่า พล.อ. ประยุทธ์ จะออกจากอำนาจ เราไม่มีแสนยานุภาพอะไรมากกว่าชีวิตและอิสรภาพของตัวเอง ทุกถ้อยคำประกาศ ตัวบทกฎหมาย คำสั่งของเผด็จการ ไม่สามารถใช้เป็นบทบัญญัติ ตามหลักนิติธรรมที่ให้ประชาชนทั้งประเทศเคารพ ทั้งนี้ครบรอบ 15 ปี เรามาแสดงพลัง รวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งหลายปีที่ผ่านมามีฐานะเป็นเพียงศาลาคนเศร้า ของคนที่รักประชาธิปไตย แต่จิตวิญญาณของประชาชนอยู่ที่นี่ตลอดไป
“อยากบอกฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ถึงวันนี้ยังไม่สำนึก ไม่รู้ว่าได้ทำประเทศถอยหลังเสียหาย พินาศวอดวาย คนที่เห็นต่าง เรายังเห็นเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่ในทางส่วนตัว ทางการเมือง หากยังสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ถือว่าเราขาดกันตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทางใครทางมัน ประเทศเดียวกัน แต่แบ่งเป็นสองข้าง และชัยชนะจะต้องเป็นของประชาธิปไตย พล.อ. ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาใหญ่ๆ ในบ้านเมืองได้ ขนาดปัญหาของพวกตัวเอง เช่น 3 ป. ยังแก้ปัญหากันไม่ได้ แล้วจะมาแก้ปัญหาให้คนไทย 70 ล้านคนได้อย่างไร วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ. ประยุทธ์ ต้องออกไป”
ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า การแสดงพลังวันนี้ได้ให้กลุ่มทะลุฟ้าจัดการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการคลุมผ้าดำที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่เปรียบเหมือน พล.อ. ประยุทธ์ คลุมประชาธิปไตยของคนไทย ดังนั้นประชาชนต้องร่วมมือกันสู้ต่อไป วันนี้เตรียมการหลายอย่าง มีธงแจก ขับรถชนรถถัง คลุมถุงดำ เสียดายที่ฝนตก แต่ฝนไม่ตกตลอดทาง เหมือนกับเผด็จการที่จะไม่อยู่ตลอดไป และคนที่อยู่ตลอดกาลคือประชาชน เพราะประเทศนี้เป็นของประชาชน หลังจากวันนี้ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่อ ตอนนี้ทดสอบการเคลื่อนไหวของมวลชน ภายใต้สถานการณ์โควิด ซึ่งคาร์ม็อบยังตอบโจทย์ได้สูงสุด เข้าใจว่าประชาชนไม่สามารถก้าวข้ามโควิดมาต่อสู้ได้ตลอด จึงต้องคำนึงถึงความจริงของสถานการณ์ หากไม่คำนึงจะเกิดความอ่อนแอ ดังนั้นขอให้ตนได้ปรึกษาหารือกับคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศการต่อสู้ต่อไป ทั้งนี้ขอให้เก็บเรี่ยวแรง การต่อสู้ยังอีกยาวนาน เพื่อแสดงให้เห็น บอกประชาชนรักษาคำพูด ไม่เคยตลบตะแลงเหมือน พล.อ. ประยุทธ์ วันนี้ตนขอบคุณทุกคนด้วยหัวใจ
ต่อมา ณัฐวุฒิ ได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น. โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้ถือว่าได้จัดกิจกรรมบรรลุจุดประสงค์ และขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ และรอฟังการนัดหมายต่อไป พร้อมกับร้องเพลง เราคือเพื่อนกัน จากนั้นมวลชนได้ทยอยเดินทางกลับ และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครได้เข้าทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบ