เคปทาวน์ เมืองท่าสำคัญที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของแอฟริกาใต้ กำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างหนัก หลังระดับน้ำในเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางการได้ประกาศข้อบังคับระดับ 6B ให้ประชาชน 4 ล้านคนในเมืองใช้น้ำอย่างประหยัดวันละไม่เกิน 50 ลิตร หลังจากที่เคยขีดเส้นไว้ที่ 87 ลิตรต่อวันเมื่อ 1 เดือนก่อน
เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า หากปริมาณน้ำในเขื่อน Theewaterskloof ซึ่งเป็นเขื่อนใหญ่ที่สุดของเมือง และอ่างเก็บน้ำอื่นๆ ยังคงลดลงต่อเนื่องเช่นนี้จะทำให้การประปาไม่สามารถจ่ายน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนนี้ ซึ่งทางการกำหนดเป็นวัน ‘Day Zero’
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมืองเคปทาวน์เผชิญวิกฤตภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี โดยสาเหตุหนึ่งมาจากผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังระบุด้วยว่า การบริหารจัดการระบบน้ำที่ย่ำแย่ รวมถึงการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในเมืองก็เป็นอีก 2 ปัจจัยที่ทำให้วิกฤตเลวร้ายยิ่งขึ้น
น้ำดื่มที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองเคปทาวน์มาจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำหลักๆ 6 แห่ง ซึ่งมีความจุสูงสุด 870 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่หลังจากที่เผชิญภัยแล้งมาหลายปี ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลดลงเหลือเพียง 26% ในปัจจุบัน ขณะที่ภาพถ่ายจากดาวเทียมขององค์การนาซาเผยให้เห็นว่า เขื่อน Theewaterskloof เหลือน้ำเพียง 13% เท่านั้น
นอกจากเมืองเคปทาวน์แล้ว ระดับน้ำในเขื่อนทั่วประเทศก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะในอ่าวเนลสัน แมนเดลาในจังหวัดอีสเทิร์น เคป และเขื่อนในจังหวัดควาซูลู นาทาล
อ้างอิง: