วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่ตรงข้ามกับประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มแนวร่วมเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย นัดรวมตัวกันที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องกดดันไปยัง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไม่ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
รวมถึงต้องเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ที่ยังอยู่ในสภาให้มีการบังคับใช้เร็วที่สุด เพื่อเป็นกลไกการควบคุมกัญชา พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า หากนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจะถือเป็นการกีดกันประชาชนไม่ให้เข้าถึงกัญชา
ขณะที่วิษณุกล่าวถึงกรณีการหารือกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ว่าเป็นการคุยกันภายใน และอธิบายให้ฟังเป็นการส่วนตัว วันนี้ได้มาอธิบายกันในที่ประชุมคณะกรรมการฯ อีกครั้ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในหลักการจะไม่มีการยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข และไม่มีการดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ใช่ ถูกต้อง จะไปหยุดเขาได้อย่างไร เป็นอำนาจของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีหนึ่งเรื่องที่ชัดเจนขึ้นและจะมีการอธิบายในวันนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยพูดกันมาก่อน ทุกคนเข้าใจว่าพอพูดเรื่องกัญชา พอพูดถึงเรื่องยาเสพติด จะต้องเกิดกฎหมายคือ พ.ร.บ.ยาเสพติด หรือประมวลกฎหมายอาญายาเสพติด
แต่ประกาศของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมา เขาไม่ได้เป็นประกาศตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด หรือประมวลกฎหมายอาญายาเสพติด แต่เป็นประกาศตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย เรานึกไม่ถึง พ.ร.บ. นี้ใช้มา 23 ปีแล้ว มีไว้สำหรับควบคุมพืชบางชนิดไม่ให้มีการเล็ดลอดนำออกไปต่างประเทศ และไม่ให้มีการนำมาใช้ในทางที่ผิด เคยประกาศไปแล้วครั้งหนึ่งกับการควบคุมกวาวเครือ ครั้งนี้เอามาใช้กับกัญชา พูดง่ายๆ จะบอกว่าเป็นวิธีเลี่ยงๆ หลบๆ ก็ได้ แต่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้สามารถควบคุมได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดหรือไม่ วิษณุกล่าวว่าตรงจุด ใช้ได้ เพราะเขาบอกแล้วว่าสามารถประกาศให้สมุนไพรชนิดใดเป็นสมุนไพรควบคุมก็ได้ เขาก็บอกว่ากัญชาเป็นสมุนไพร จึงประกาศควบคุม มีวิธีควบคุมมากมายหลายประการ
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่ควบคุมการปลูก การเสพ เพราะไม่ใช่ยาเสพติด แต่ควบคุมในการจำหน่าย การแปรรูป นำเข้า ส่งออก เลยไปถึงเรื่องกาลเทศะ ไม่ให้มีการจำหน่ายในวัด หอพัก แต่ไม่เกี่ยวกับโรงเรียน เพราะกระทรวงศึกษาธิการมีเรื่องโรงเรียนสำหรับครูนักเรียนไว้เรียบร้อยแล้ว ห้ามเสพ สูบ จำหน่าย หากใครดูประกาศฉบับนี้ก็จะเห็นช่องโหว่ว่าทำไมไม่คุมโรงเรียน ต้องเอาหลายฉบับประกอบกัน นี่เป็นวิธีการหนึ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามที่จะอุดช่อง” วิษณุกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากผิดตามประกาศฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ละเมิดบางอย่างเตือน ละเมิดบางอย่างจับ
