หลังเกิดกรณีที่มีหญิงนิรนามรายหนึ่งถูกควบคุมตัวในความผิดฐานขโมยชุดนักเรียนในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่จังหวัดชุมพร โดยให้เหตุผลว่า เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตกงาน ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียน จึงตัดสินใจกระทำการดังกล่าว เพื่อให้ทั้งลูกสาวและลูกชายมีชุดใส่ไปทันวันเปิดเรียนวันแรก จนเกิดเป็นกระแสบนโลกโซเชียล พร้อมผุดแฮชแท็กบนทวิตเตอร์ #ยกเลิกชุดนักเรียน เพื่อคัดค้านการให้เด็กใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน และลดภาระของผู้ปกครอง
ท่ามกลางกระแสเรียกร้องดังกล่าว THE STANDARD ได้พูดคุยกับ พิมพ์มาดา แก้วกสิ ฝ่ายบริหารกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ในฐานะเสียงเรียกร้องที่สนับสนุนให้มีการยกเลิกชุดนักเรียน
“เรื่องนี้มีกระแสเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ในทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกระแสที่มีการพูดถึงค่อนข้างหนักในช่วงก่อนเปิดเทอม และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกกับกรณีที่มีข่าวผู้ปกครองขโมยชุดเรียนให้ลูกใส่จากปัญหาทางการเงินในครอบครัว แต่ที่เริ่มเปลี่ยนไปคือแนวการแสดงความคิดเห็นของผู้คนบนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไปทุกปี
“เดิมทีจะมองกันแค่ว่าการขโมยของคือสิ่งที่ผิด แต่หลังๆ มาเริ่มมีคนมองไกลกว่านั้น ซึ่งการขโมยถ้าพูดตรงๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย แต่ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นควบคู่กันมาคือ ชุดนักเรียนนั้นค่อนข้างแพง ทำให้ผู้ปกครองไม่สามารถซื้อให้บุตรหลานได้ จึงมีการถกเถียงกันว่า ในเมื่อการซื้อชุดเรียนหรืออุปกรณ์ต่างๆ เป็นการเพิ่มภาระให้ครอบครัว แล้วถึงเวลาหรือยังที่จะยกเลิกกฎระเบียบนี้”
นอกจากนี้พิมพ์มาดากล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่เกิดขึ้นได้สะท้อนปัญหาในมิติของเศรษฐกิจประเทศไทยไปในตัว โดยเฉพาะท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ ที่พบว่าหลายครอบครัวต้องตกงาน หลายครอบครัวมีกำลังทรัพย์น้อยลงจากเดิม หลายครอบครัวต้องรัดเข็มขัดในการใช้จ่ายต่างๆ ทำให้การต้องซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียน ชุดเรียนใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากประถมสู่มัธยม หรือเด็กที่ต้องย้ายโรงเรียน เป็นสิ่งที่หลายครอบครัวต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ค่อนข้างเยอะ
“เราคิดว่าชุดนักเรียนควรยกเลิกได้แล้ว หรือกำหนดให้เด็กใส่ชุดนักเรียนน้อยลง โดยให้สลับกันใส่กับชุดไพรเวต เพราะอย่างที่รู้กันว่ายูนิฟอร์มของนักเรียนไม่ได้มีแค่ชุดนักเรียน แต่ยังมีชุดอื่นๆ อีก ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายตามมาอีก” พิมพ์มาดากล่าว
นอกจากนี้ประเด็นการยกเลิกชุดนักเรียนยังถูกพูดถึงโดยนักการเมืองอย่าง ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่กล่าวถึงประเด็นการเปิดเทอมวันแรก พร้อมภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองที่เพิ่มสูงในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจขณะนี้ โดยระบุว่า ในฐานะผู้แทนราษฎรจึงอยากเรียกร้องกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศให้โรงเรียนทั่วประเทศเพิ่มความยืดหยุ่นต่อการแต่งกายของนักเรียนในปีการศึกษานี้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาด ที่ส่งผลให้มีผู้ปกครองจำนวนมากประสบปัญหาขาดรายได้และตกงาน
ในฟากฝั่งของรัฐบาล จากการติดตามมาตรการพาณิชย์ลดราคา ‘Back to School’ ที่ศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ สาขาลาดพร้าว ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ได้หยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาถามต่อ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
โดยจุรินทร์ให้ข้อแนะนำไปถึงกลุ่มคนที่กำลังเดือดร้อนกับปัญหาดังกล่าวว่า หากมีความจำเป็น เบื้องต้นอยากให้ประสานงานอย่างน้อยกับกระทรวงศึกษาธิการ หรือกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถ้าเป็นผู้ด้อยโอกาสและเป็นกลุ่มเปราะบาง ก็จะมีแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ อาจประสานไปที่สำนักงานพัฒนาสังคมจังหวัดก็ได้ ประสานไปกับครูอาจารย์ที่โรงเรียนก็ได้ เพราะโดยนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ตนเชื่อว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งครูและผู้ปกครองก็ยังคงมีโครงการที่จะไปเยี่ยมบ้านนักเรียนอยู่ ถ้าติดขัดอย่างไร ก็แจ้งให้ครูและโรงเรียนทราบ ก็จะเป็นทางออกที่น่าจะดีที่สุด
แม้ประเด็นชุดนักเรียนในวันเปิดเทอมจะดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กๆ ที่ถูกพูดถึงไม่มากนัก แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นปัญหาที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจระดับกระเป๋าสตางค์ของผู้ปกครองในยุคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าปัญหานี้ยังจะคงอยู่คู่กับสังคมไทยไปอีกนาน ตราบใดที่เรายังมองสเกลของปัญหาว่าเป็นเรื่องเล็กๆ อยู่
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
