โรมี แม็กคอสกี (Romy McCloskey) นักออกแบบเสื้อผ้าชาวอเมริกัน วัย 44 ปี ที่ตัดสินใจย้ายมาอาศัยอยู่ที่รัฐเท็กซัส พร้อมกับสามีและลูกๆ ของเธออีก 2 คน ได้สานต่อเจตนารมณ์ของแม่ ผู้หญิงที่เธอรักมากที่สุด ก่อนที่แม่จะจากเธอไปตลอดกาล
เธอมักจะใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กในสวนออร์แกนิกที่ ซูซาน (Suzanne) แม่ของเธอเป็นคนปลูกเอง เธอและน้องสาวมักจะวิ่งเล่นในโรงนาและทุ่งหญ้ารอบๆ บ้านในคอนเนตทิคัต พร้อมๆ กับเรียนรู้เรื่องของนก ผึ้ง และผีเสื้อชนิดต่างๆ ซึ่งต้นไม้แต่ละชนิดที่แม่ปลูกจะดึงดูดสัตว์ป่ามากมายให้เข้ามาใกล้ “แม่มีสวนที่สุดยอดมากๆ เต็มไปด้วยสัตว์ป่า ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่โปรดของแม่ และก็เป็นสถานที่ฉันชื่นชอบเช่นกัน ที่ฉันได้อยู่กับแม่”
‘ผีเสื้อ’ จิตวิญญาณของแม่ที่มีชีวิต
ซูซานตรวจพบก้อนเนื้อผิดปกติบริเวณหน้าอกของเธอ ก่อนที่แพทย์จะวินิจฉัยว่าเธอจะเป็นมะเร็งทรวงอกและเสียชีวิตลงในที่สุดเมื่อปี 1998 ขณะที่โรมีอายุ 24 ปี แม้เวลาจะผ่านมานานเกือบ 2 ทศวรรษ แต่เรื่องราวและคำสอนของแม่ยังคงอยู่ในใจของโรมีตลอดมา เธอยังจำความรู้สึกในวันที่แม่อาจจะไม่ได้อยู่กับเธอแล้วได้ดี แม่รับรู้ความกระวนกระวายใจนั้น ก่อนที่จะพูดกับเธอว่า
“อย่ากังวลใจไปเลยโรมี เมื่อไรก็ตามที่ลูกเห็นผีเสื้อ จงรู้ไว้ว่าแม่กำลังอยู่ใกล้ๆ ลูกเสมอและรักลูกมากๆ สุดหัวใจ”
การจากไปของแม่ถือเป็นเรื่องราวที่กะทันหันและค่อนข้างเร็วเกินไปในความคิดของโรมี คำพูดของแม่และชีวิตในวัยเด็กที่เธอถูกปลูกฝังมา ทำให้นักออกแบบสาวคนนี้ สนใจในเรื่องของผีเสื้อและโอกาสรอดชีวิตตามธรรมชาติของพวกมันเพิ่มมากขึ้น
ช่วงหน้าร้อนราวปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เธอบังเอิญได้พบกับหนอนผีเสื้อจำนวนหนึ่งบริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งเธอจำได้ว่าหนอนผีเสื้อเหล่านี้จะกลายเป็นผีเสื้อจักรพรรดิ (Monarch Butterfly) ที่มีปีกสีส้มสลับดำ พร้อมจุดแต้มสีขาว ที่มักเป็นที่รู้จักและพบเห็นได้บ่อยในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งในปัจจุบันประชากรผีเสื้อป่ามีจำนวนลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปรสิตที่แฝงอยู่ในตัวอ่อนของผีเสื้อ
โรมีจึงเริ่มต้นอนุบาลหนอนผีเสื้อ รวมถึงฟักไข่ ก่อนที่จะปล่อยพวกมันกลับคืนสู่ธรรมชาติ หลังสิ้นสุดกระบวนการ Metamorphosis และกลายเป็นผีเสื้อที่โตเต็มวัยแล้ว ความคิดรักษ์ธรรมชาติที่แม่ของเธอเฝ้าปลูกฝัง ถูกถ่ายทอดให้แก่ลูกๆ ของโรมีอีกทอดหนึ่ง พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้ธรรมชาติ โดยเฉพาะโลกของผีเสื้อ ไปพร้อมๆ กับโรมี
วันหนึ่งขณะที่ดักแด้กำลังจะกลายเป็นผีเสื้อที่โตเต็มวัย โชคไม่ดีที่ผีเสื้อหนึ่งในนั้นปีกขาดรุ่งริ่งขณะพยายามที่จะขยับตัวออกจากรังดักแด้ ซึ่งอาจเป็นผลจากปรสิตที่ทำให้ปีกของผีเสื้อผิดปกติ เธอจึงตัดสินใจที่จะซ่อมปีกให้กับผีเสื้อ โดยใช้ความชำนาญในด้านการออกแบบและความประณีตที่เธอถนัดทำตามวิดีโอแนะนำที่เพื่อนของเธอส่งมาให้
“ปีกของมันมีรูขนาดใหญ่มาก เหมือนใครสักคนหนึ่งปาก้อนหินผ่านทะลุว่าวรูปผีเสื้อ ฉันมีซากผีเสื้อเพศเมียตัวหนึ่งที่ตายไปก่อนหน้านี้ ฉันจะใช้ปีกของเธอต่อลมหายใจให้กับเจ้าผีเสื้อตัวนี้ โชคดีที่อาชีพของฉันต้องอาศัยความละเอียดและความประณีตมากๆ”
โรมีค่อยๆ ใช้กรรไกรตัดปีกที่คาดรุ่งริ่งของผีเสื้อออก พร้อมบิดซี่ลวดเป็นรูปคล้ายห่วง กดบริเวณโคนปีกทั้งสองข้างของผีเสื้อไว้ ก่อนที่จะใช้ไม้จิ้มฟันค่อยๆ ทาน้ำยายางและประกอบปีกใหม่ให้กับเจ้าผีเสื้อ พร้อมทั้งโรยแป้งเล็กน้อย ลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากความเหนียวของน้ำยา
“ฉันปล่อยให้เจ้าผีเสื้อฟื้นตัวสักระยะหนึ่ง โดยให้ดูดน้ำหวานที่ฉันผสมขึ้นจากน้ำผึ้ง น้ำและเครื่องดื่มของนักกีฬาสักเล็กน้อย ก่อนที่ปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ ภาพที่เจ้าผีเสื้อตัวนั้นบินไป ทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฉันเพิ่งจะซ่อมปีกให้กับผีเสื้อตัวนั้น”
นับตั้งแต่หน้าร้อนปีที่ผ่านมา โรมีช่วยอนุบาลผีเสื้อก่อนที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้วกว่า 40 ตัว เธอตั้งใจจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของผีเสื้อและช่วยซ่อมแซมปีกให้กับผีเสื้อต่อไปทุกครั้งที่มีโอกาส โดยเธอจะระลึกไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่เธอเห็นผีเสื้อเหล่านี้ แม่ของเธอไม่เคยจากเธอไปไหน ทุกความทรงจำที่เกี่ยวกับแม่จะคงเด่นชัดอยู่ในใจและความรู้สึกของเธอไปตลอดกาล
อ้างอิง: