วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ว่า ล็อตที่จะกลับมาล่าสุดต้องผ่านประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและคัดกรอง เสร็จแล้วจีนจะรับตัวส่วนหนึ่งออกไป แต่ส่วนใหญ่ที่เราตกลงกันทั้งจีน เมียนมา และไทย
เมียนมาทำหนังสือมายังฝ่ายทหารและกระทรวงการต่างประเทศของไทยว่า หลังจากนี้จะนำตัวทุกคนเข้าสู่กระบวนการของเมียนมาในการจัดการทั้งหมด ซึ่งไทยจะเป็นเพียงผู้สนับสนุน ถ้าอะไรที่คิดว่าจะผ่านประเทศไทยก็ให้ประสาน เราก็พร้อมสนับสนุน ซึ่งตอนนี้เรารับผิดชอบการปราบตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ภูมิธรรมระบุว่า แม้จีนส่งเครื่องบินไปรับคนของเขากลับประเทศ แต่ฝ่ายไทยจะสามารถหาตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ เพราะเราร่วมกันทั้งหมด มีการประสานกัน ตกลงหน้าที่กันเรียบร้อย และในการคัดกรองว่าใครเป็นเหยื่อหรือสมัครใจ เป็นกระบวนการทำงานที่พูดไม่ได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของไทยข้ามไปคัดกรอง และอีกหลายกระทรวงเข้าไปร่วมด้วย หลังจากข้ามมาฝั่งไทยแล้ว จีนก็เตรียมเครื่องบินมารับที่แม่สอด ค่าใช้จ่ายจึงไม่เกี่ยวกับไทย
ภูมิธรรมระบุว่า การลงพื้นที่ของ หลิวจงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ตกลงกันตั้งแต่ที่มาเยี่ยมตนแล้ว โดยหลังจากที่หลิวจงอีพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเมียนมา และพูดคุยกับตนผ่านโทรศัพท์แล้ว ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ ตนจะพบกับหลิวจงอีอีกครั้งเพื่อสรุปการทำงานและหารือกันต่อ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เราทำงานร่วมกันมา 2 เดือนแล้ว ระหว่างไทย เมียนมา และจีน
ภูมิธรรมระบุว่า เรารับผิดชอบเรื่องคอลเซ็นเตอร์ และดำเนินการกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง ใช้มาตรการ 3 ตัด (ตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ต) ซึ่งค่อนข้างได้ผล นอกจากนี้คุยกันแล้วว่าชายแดนทั้ง 3 จะปิดทั้งหมด แต่ไม่ได้ปิดตาย หลังจากนี้เมื่อมาตรการได้ผลแล้ว ต้องดูว่าสามารถจัดการได้เต็มที่หรือไม่
ตอนนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเมียนมาหรือชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็ให้เขาดำเนินการไปเลย และหลิวจงอีก็ข้ามไปฝั่งเมียนมาแล้ว เป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายรับรู้ การส่งตัวก็จะผ่านสถานทูตที่อยู่ในเมียนมา ส่วนอะไรที่ทะลักมาทางไทยก็จะประสานงานกัน หากเป็นไปได้เราก็จะช่วยเหลือ
ส่วนการออกหมายจับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ มีการประสานงานกันอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ DSI ประสานงานไป เรื่องนี้ยังดำเนินต่อไปอยู่ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ ก็ทำหน้าที่ของเขาโดยประสานงานกับจีน เราคงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
อนุทินถูกสอบสนามกอล์ฟเขาใหญ่ไม่ใช่รอยร้าวรัฐบาล
ส่วนการตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟเขาใหญ่ของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขออย่าไปมองว่าจะเป็นความขัดแย้งหรือรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคกล้าธรรม สิ่งใดที่เป็นประเด็นปัญหาที่ประชาชนสงสัยหรือประเด็นที่คาดว่าจะผิดกฎหมายก็ต้องตรวจสอบ รัฐบาลไม่มีหน้าที่ปกป้องความผิดให้กันและกัน ต้องดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนเราจะทำงานกันอย่างไรเป็นคนละเรื่องกัน ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลร่วมกันก็ทำงานร่วมกันได้ทุกอย่าง
ภูมิธรรมยืนยันด้วยว่า แม้จะเกิดเรื่องนี้ในช่วงใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่มีปัญหา ถ้าทุกคนมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองมีอย่างถูกต้องก็สามารถเอาข้อมูลมาชี้แจงให้สังคมรับทราบ เพราะสภาก็มีหน้าที่ตรวจสอบตามกระบวนการอยู่แล้ว และในงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ก็ไม่มีปัญหาต้องเคลียร์ใจ
