สองสามีภรรยาชาวอเมริกันที่ถูกจับหลังกักขังลูกๆ 13 คนไว้ในบ้านที่แคลิฟอร์เนีย ได้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหากักขังและทรมานเด็ก ขณะที่ตำรวจพบหลักฐานมัดตัวเพิ่มเติม ด้านลูกสาวที่โทรแจ้งตำรวจเล่าว่าเธอวางแผนหนีออกจากบ้านมานานถึง 2 ปี
นายเดวิด และนางหลุยส์ เทอร์ปิน ถูกตั้งข้อหากระทำทารุณ ข่มเหง และกักขังหน่วงเหนี่ยวลูกๆ ตั้งแต่ปี 2010 โดยจำนวนนี้มี 6 คนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ นอกจากนี้นายเดวิดยังถูกตั้งข้อหากระทำอนาจารต่อเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ไมเคิล เฮสตริน อัยการเขตริเวอร์ไซด์ เปิดเผยว่า เดิมทีสองสามีภรรยาคู่นี้จะลงโทษลูกๆ โดยการจับมัดด้วยเชือก ก่อนที่จะเปลี่ยนไปล่ามโซ่ไว้กับเตียงแทน การทำโทษจะมีระยะเวลานานนับสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือนและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมาจากความผิดหลายรูปแบบ เช่น หากพ่อแม่พบว่าเด็กล้างมือเหนือข้อมือขึ้นไป พวกเขาก็จะถูกล่ามโซ่โทษฐานเล่นน้ำ
นายเดวิด และนางหลุยส์ ถูกตำรวจจับกุมหลังลูกสาว วัย 17 ปี ได้หนีออกจากบ้านและโทรแจ้งตำรวจ โดยตำรวจพบว่าพี่น้องของเธออยู่ในสภาพอิดโรยและขาดอาหารอย่างรุนแรง ขณะที่บางคนยังถูกล่ามโซ่อยู่
ล่าสุดลูกๆ ทั้ง 13 คนซึ่งมีอายุระหว่าง 2-29 ปี ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยเด็กอายุ 2 ปี มีน้ำหนักปกติ ขณะที่เด็กอายุ 12 ปี มีน้ำหนักเท่ากับเด็กอายุ 7 ปีโดยเฉลี่ย ส่วนลูกสาวคนโตมีน้ำหนักเพียง 37 กิโลกรัม เนื่องจากขาดอาหารอย่างรุนแรง
เฮสตรินเปิดเผยด้วยว่า ลูกสาวคนที่แจ้งความเล่าว่าเธอวางแผนหนีออกจากบ้านตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน และในวันที่เธอหนีออกมานั้น มีน้องคนหนึ่งที่คิดหนีตามมาด้วย แต่เธอเกิดความกลัวและเปลี่ยนใจหลังจากที่ปีนออกจากหน้าต่างแล้ว