วันนี้ (17 ธันวาคม) ณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยมีสาระสำคัญว่า เนื่องจาก ครม. ได้เห็นชอบให้กำหนดวันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป คือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 เนื่องจากมีเหตุผลความจำเป็นว่าการให้มีการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันเดียวกัน จะเป็นการประหยัดและใช้งบประมาณแผ่นดินโดยคุ้มค่า เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากที่สุด
รวมทั้งเป็นการช่วยลดภาระของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ต้องดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่แตกต่างกันด้วย โดยให้ส่งคำถามในการออกเสียงประชามติครั้งที่หนึ่งเพื่อให้ความเห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง ดังนี้
1. คำถามในการออกเสียงประชามติ
1.1 “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ตามมติที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568
1.2 “ท่านเห็นชอบว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ซึ่งเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตามมาตรา 9 วรรคสอง (2) และ (4) และมาตรา 11 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการจัดทำข้อมูลตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนวันประกาศให้มีการออกเสียงประชามติไม่น้อยกว่า 15 วัน ตามมาตรา 9 วรรคสอง (4) และมาตรา 11 ประกอบมาตรา 15 และมาตรา 14 วรรคสอง และวรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบ (คำถามข้อ 1.1) เป็นการทั่วไป
ทั้งนี้ ในส่วนคำถามของคณะรัฐมนตรี (ตามข้อ 1.2) ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งใช้ข้อมูลที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดทำ เป็นข้อมูลในเรื่องที่จะทำประชามติตามคำถามของคณะรัฐมนตรีด้วย
3.ให้สำนักงบประมาณหารือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อกำหนดค่าใช้จ่ายในการออกเสียงประชามติและการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
4.ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีวิทยุโทรทัศน์ และผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ของรัฐ รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการภาคเอกชน ให้จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่จัดให้มีการออกเสียงประชามติอย่างรอบด้านอย่างเท่าเทียมกัน ตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
5.ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ควบคุมกำกับการดำเนินการออกเสียงประชามติให้เป็นไปอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ทั้งนี้ ได้แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติในเรื่องนี้ แล้วส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไปแล้ว


