วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แบบเต็มคณะ ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล
สำหรับวาระการประชุมที่ต้องจับตาคือ ครม. เตรียมรับทราบการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ คาดจะมีผู้ได้รับสิทธิประมาณ 15 ล้านคน จากปัจจุบันที่มีผู้ถือบัตรสวัสดิการอยู่ประมาณ 13.6 ล้านคน โดยการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในครั้งนี้ กระทรวงการคลังจะจ้างนักศึกษาจบใหม่ประมาณ 10,000 คน ประจำจุดลงทะเบียน เพื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่อาจจะไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และเพื่อคัดกรองบุคคลที่สมควรได้รับสวัสดิการจากรัฐเพิ่มเติมอย่างแท้จริง โดยผู้ที่ถือบัตรคนจนในปัจจุบันจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ในครั้งนี้ด้วย
ส่วนวาระอื่นๆ ที่น่าสนใจ คือ การแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ทั้งมาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม. ยังเตรียมพิจารณาร่างระบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานความร่วมมือของส่วนราชการในการสำรวจและศึกษาวิจัยสมุนไพรและถิ่นกำเนิดของสมุนไพรในเขตอนุรักษ์ พ.ศ. .…, ร่างข้อตกลงการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบแทนใบอนุญาตและใบแทนใบสำคัญการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์ควบคุม เฉพาะ พ.ศ. …., ร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติ เพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์, การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นาเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 13
พร้อมพิจารณาขณะที่กระทรวงศึกษาธิการขอความเห็นชอบโครงการอาชีวะ สร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส รวมถึงขอขยายกลุ่มเป้าหมายในการรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ
ขณะที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเตรียมรายงานสถานการณ์การว่างงานในไตรมาส 3/64 เพิ่มขึ้นสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด โดยมีผู้ว่างงาน 8.7 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 2.25
กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขอยกเว้นภาษีจากเงินที่ได้จากโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 95 โดยรัฐจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อส่งเสริมและรักษาการจ้างงานให้แก่นายจ้าง ให้กับลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวนไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
ขณะที่กระทรวงกลาโหมขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รายการโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ
นอกจากนี้ที่ประชุมจะรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พร้อมเตรียมพิจารณาการเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนด้านพลังงานภายใต้ยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง หรือ Belt and Road Energy Partnership: BREP ของสาธารณรัฐประชาชนจีน