วันนี้ (10 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร’
นายกรัฐมนตรีจึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม
ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกร ให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซวว่า โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่า ลูกชายของตนเป็นนายกฯ 6 สมัยรวด
ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน “รวยๆ รวยทุกปี” ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวแซวนายกรัฐมนตรีว่า ขอให้ได้สัก 1% ของนายกฯ ก่อนที่จะถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
จากนั้นระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลังจะเดินขึ้นตึกบัญชาการ 1 เพื่อเข้าเป็นประธานการประชุม ครม. ไม่ได้ตอบคำถามว่าเห็นเอกสารของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีการเสนอของปรับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแล้วหรือไม่ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ มีเอกสารหลุด เรื่อง การขอปรับรัฐมนตรี จากกลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค
ส่วนวาระการประชุมที่น่าสนใจในวันนี้ จับตาว่าจะมีการหารือถึงแนวทางการเจรจาข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชาก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมหรือ JBC ในวันที่ 14 มิถุนายนนี้หรือไม่
สำหรับคณะรัฐมนตรีที่แจ้งลาการประชุมในวันนี้ ประกอบด้วย จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม, พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตากระแสการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีกระแสความระหองระแหงกันเอง ทั้งภายในพรรคและระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล