×

เปิดโปรไฟล์ 36 รัฐมนตรีใน ‘ครม. อนุทิน 1’

โดย THE STANDARD TEAM
19.09.2025
  • LOADING...
ครม.อนุทิน 1

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เพื่อเข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

 

สำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้มีหัวหน้าคณะรัฐมนตรีคือ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ จากพรรคภูมิใจไทย ที่มาจากการโหวตโดยที่ประชุมของสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 มีองค์ประกอบคือ รัฐมนตรีไม่เกิน 36 คน โดยรวมเก้าอี้นายกรัฐมนตรีด้วย

 

THE STANDARD ชวนตรวจสอบโปรไฟล์ของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวง ซึ่งสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ทางการเมืองที่มาจากทั้งโควตาคนนอก และการแบ่งผลประโยชน์ตามสัดส่วนพรรคการเมือง รวมถึงกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลอายุสั้นเพียง 4 เดือน 

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

1. อนุทิน ชาญวีรกูล

ตำแหน่ง: นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

อนุทิน ชาญวีรกูล อายุ 59 ปี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นลูกชายของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ในสมัยรัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และต่อมาได้เข้าร่วมรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 

 

อนุทินเคยเป็นอดีตสมาชิกและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคไทยรักไทย

 

ในปี 2562 ร่วมรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรี และร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร โดยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

2. พิพัฒน์ รัชกิจประการ

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

 

พิพัฒน์ รัชกิจประการ อายุ 70 ปี สามีของ ‘นาที รัชกิจประการ’ แม่ทัพภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย และเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันเครือพีที ตระกูล ‘รัชกิจประการ’ มีความสนิทสนมกับตระกูล ‘ชิดชอบ’ มาอย่างยาวนาน และอยู่ภายใต้สังกัดพรรคภูมิใจไทยจนถึงปัจจุบัน

 

ในปี 2562 พรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในโควตาของพรรคภูมิใจไทย และในปี 2566 พรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

 


 

 

3. โสภณ ซารัมย์

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี

 

โสภณ ซารัมย์ อายุ 66 ปี เป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์โดยกำเนิด เป็นน้องชายของสมบูรณ์ ซารัมย์ สส.เขต 3 บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกแฉปมเสียบบัตรแทนกัน แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

 

โสภณ จบการศึกษา ครุศาสตรบัณฑิต สาขาการประถมศึกษาจากวิทยาลัยครูบุรีรัมย์ ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางทางการเมือง เขารับราชการครูมาก่อน จากนั้นในปี 2544 ได้ลงสมัคร สส.บุรีรัมย์ ในนามพรรคชาติไทย และได้รับการเลือกตั้ง 

 

ต่อมาในปี 2548 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส. ก่อนจะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชาชน เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค จากนั้นย้ายไปพรรคพลังประชาชน ซึ่งก็ถูกตัดสินยุบพรรคอีกครั้ง

 

โสภณ ถือเป็นคนใกล้ชิด เนวิน ชิดชอบ ได้ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย ที่แยกจากพรรคพลังประชาชน มารวมกับ สส. จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย เพื่อสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

 

ส่วนตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญนั้น เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการคมนาคมในรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร

 


 

 

4. ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย

 

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อายุ 71 ปี เริ่มต้นจากการเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปี 2519 พร้อมกับทำหน้าที่อาจารย์พิเศษด้านกฎหมาย ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็น ศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย ต่อมาในปี 2538 เขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ 

 

นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษด้านกฎหมายมหาชนที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ‘ศาสตราจารย์กิตติคุณ’

 

ศ. ดร.บวรศักดิ์ มีบทบาทสำคัญหลายตำแหน่ง ทั้งการทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 13, เลขาธิการคณะรัฐมนตรี, เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า, ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และรองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ 

 

นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในสมัยรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ และมีส่วนร่วมในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศหลายชุด โดยเฉพาะในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2558 ที่เป็นเจ้าของวลีอมตะว่า เขาอยากอยู่ยาว 

 

ขณะที่ ผลงานวิชาการ ศ.ดร.บวรศักดิ์ เป็นผู้เขียนหนังสือสำคัญ เช่น ‘นิติวิธี’ ซึ่งอธิบายหลักการและวิธีการตีความกฎหมาย และ ‘ทฤษฎีการบริหารราชการแผ่นดิน’ ตำราที่ใช้ศึกษากฎหมายปกครอง 

 

นอกจากนี้ยังมีบทความและงานวิจัยจำนวนมากที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ซึ่งเป็นผลงานที่มีส่วนสร้างองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติให้แก่วงการกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินไทย

 


 

 

5. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

 

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อายุ 54 ปี อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ และยังพ่วงตำแหน่งสำคัญหลายแห่ง เช่น ประธานกรรมการธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), กรรมการและประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), ประธานกรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด และเป็นกรรมการบริหารองค์กรระหว่างประเทศอย่าง TIWB, OECD และ UNDP รวมถึงยังเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย NIDA และกรรมการวชิราวุธวิทยาลัย

 

เอกนิติจบ เศรษฐศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนได้รับทุนรัฐบาลไทยไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ University of Illinois at Urbana-Champaign และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา เขาได้รับรางวัลมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น รางวัลนักเศรษฐศาสตร์ดีเด่นแห่งปี และรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปี 2567

 

เอกนิติเริ่มต้นจากธนาคารโลก ก่อนเป็นโฆษกกระทรวงการคลัง และอัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจประจำสหราชอาณาจักรและยุโรป รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ 

 

นอกจากนี้เขายังเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากรและกรมสรรสามิต มีบทบาทสำคัญในหลายบริษัทรัฐและเอกชน ปรับปรุงระบบ Digital ของกรมสรรพากรและกรมสรรสามิตจนได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ พร้อมเป็นผู้ริเริ่มกองทุน Thailand Future Fund และระบบวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคสำหรับกระทรวงการคลัง

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

6. ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อายุ 60 ปี เริ่มต้นเส้นทางการเมืองกับพรรคไทยรักไทย ดูแลยุทธศาสตร์การเลือกตั้งกรุงเทพมหานครให้พรรค และในการเลือกตั้งปี 2562 ลงสมัคร สส. พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และได้เป็น สส. ซึ่งในการตั้ง ครม.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาถูกโจมตีเกี่ยวกับคดีในอดีต โดยได้รับฉายาที่เรียกกันทั่วไปว่า รัฐมนตรี ‘มันคือแป้ง’

 

ปี 2562 ร.อ. ธรรมนัส เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนจะถูกปลดออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา จากนั้นออกจากพรรคพลังประชารัฐไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม และกลับมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งในช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2566

 

หลังการเลือกตั้ง ร.อ. ธรรมนัส ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน และได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เผชิญปัญหาทางการเมืองและมีการปรับโครงสร้างอำนาจในฝ่ายบริหาร ร.อ. ธรรมนัสไม่ได้ดำรงตำแหน่งต่อในรัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร พร้อมกับประกาศอิสรภาพจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นครั้งที่ 2 ก่อนย้ายไปสังกัด พรรคกล้าธรรม และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

7. สุชาติ ชมกลิ่น 

ตำแหน่ง: รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

สุชาติ ชมกลิ่น อายุ 51 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ชลบุรี เป็น อดีต สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็น สส. มาตั้งแต่ปี 2554 ติดต่อกัน 3 สมัย

 

สุชาติ บารมีทางการเมืองของเขาเริ่มก่อตัวหลังการเลือกตั้งปี 2562 โดยการกวาดต้อนผู้นำท้องถิ่นหลายแห่งเข้าสู่สังกัด และขึ้นสู่จุดสูงสุดในวงการการเมือง เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในปี 2563 ภายใต้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

 

จากนั้นในปี 2565 สุชาติได้ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ย้ายพรรค เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมลงสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 เพื่อสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ในครม.แพทองธาร ชินวัตร 

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

8. ภราดร ปริศนานันทกุล 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

 

ภราดร ปริศนานันทกุล อายุ 46 ปี บุตรชายคนโตของสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีตสส. อ่างทองหลายสมัย ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองตามรอยบิดาในการเลือกตั้งปี 2550 ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา และคว้าชัยชนะได้ตั้งแต่ครั้งแรก ก่อนจะรักษาฐานเสียงและกลับมาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2554

 

ต่อมาในปี 2561 เขาย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย และสร้างบทบาทโดดเด่นในฐานะ โฆษกพรรค จนได้รับความไว้วางใจแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 อีกด้วย 

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

9. ศุภมาส อิศรภักดี

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

ศุภมาส อิศรภักดี อายุ 52 ปี เคยเป็นโฆษกพรรค และเป็นอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เคยเป็น สส. กทม. เขต 13 หลักสี่ พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2544 และ 2548 แต่ในปี 2554 พ่ายให้กับสุรชาติ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย

 

จากนั้นในปี 2557 ได้ลงสมัครในแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 9 พรรคภูมิใจไทย แต่ไม่มีการเลือกตั้ง และในปี 2562 ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ และในปี 2566 พรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

 


 

 

10. นภินทร ศรีสรรพางค์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

นภินทร ศรีสรรพางค์ อายุ 66 ปี เคยเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดราชบุรีในปี 2543-2549 และเป็นอดีต สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยในปี 2554-2556 

 

นอกจากนี้ยังเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็กโกรคอมเมอร์ส กรุ๊ป จำกัด รวมถึงผู้ดำเนินงานตลาดกลางผักและผลไม้ จังหวัดราชบุรี (ศรีเมือง) ในการเลือกตั้งปี 2566 เมื่อพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดย เศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

 


 

 

11. สันติ ปิยะทัต 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

 

สันติ ปิยะทัต เป็นอดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากโควตา สส. ภาคใต้ คือ ทวี สุระบาล สส.ตรัง และสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปรากฏตัวที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา 

 

​​ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในบริษัท TAKUNI ด้วย ‘เหตุผลส่วนตัว’ ซึ่งเป็นการเตรียมตัวสำหรับบทบาทใหม่ทางการเมือง ในเวลาต่อมามีการเสนอชื่อตามรายงานข่าวระบุว่า สันติจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีโควตาของภาคใต้ พรรคพลังประชารัฐ ในรัฐบาลชุดใหม่

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

12. ไชยชนก ชิดชอบ

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 

ไชยชนก ชิดชอบ อายุ 35 ปี เป็นบุตรชายคนโตของเนวิน ชิดชอบ และกรุณา ชิดชอบ ครอบครัวการเมือง และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลแห่งจังหวัดบุรีรัมย์ เขาเติบโตและใช้ชีวิตการศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศอังกฤษ โดยเริ่มเดินทางไปเรียนตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และใช้เวลาอยู่นานถึง 17 ปี ก่อนจะหวนคืนสู่ประเทศไทย และเข้ารับราชการทหารกองประจำการในสังกัดกองทัพบก

 

หลังปลดประจำการ ไชยชนกหันมาช่วยดูแลธุรกิจด้านกีฬาของครอบครัวในเครือบุรีรัมย์ อาทิ สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต และสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสายงานการตลาดและการสื่อสาร 

 

รวมถึงที่ปรึกษาสโมสร เขายังเป็นผู้บุกเบิกและก่อตั้งทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีสปอร์ต ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงด้วยการคว้าแชมป์ Arena of Valor Pro League ทั้งในฤดูหนาวปี 2562 และฤดูร้อนปี 2563 ตลอดจนเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติในปี 2564

 

ไชยชนกเริ่มต้นชีวิตการเมืองในปี 2565 เมื่อบิดาของเขาเสนอชื่อให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.จังหวัดบุรีรัมย์ ในนามพรรคภูมิใจไทย กระทั่งการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 เขาได้รับชัยชนะในเขต 2 จังหวัดบุรีรัมย์ และในปีถัดมา 2567 ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

13. ซาบีดา ไทยเศรษฐ์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

 

ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ อายุ 41 ปี เป็นบุตรสาวคนที่ 2 ของชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปริญญาโทด้านนิติศาสตร์ จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และแต่งงานกับอนันต์ ปาทาน เมื่อเดือนมกราคม 2565

 

ช่วงที่ผ่านมาเคยดำรงตำแหน่งเป็นคณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และมีบทบาท ออกงานสังคม ปฏิบัติหน้าที่ในนามชาดาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 เคยได้รับการแต่งตั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

 


 

ภาพ: ณาฌารัฐ​ ภักดีอาสา

 

14. สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

 

สุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล อายุ 49 ปี เป็นบุตรชายของสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งปี 2550 ในนามพรรคพลังประชาชน โดยรับไม้ต่อจากพี่สาว ‘สุวิมล พันธ์เจริญวรกุล’ อดีต สส.พรรคไทยรักไทย ที่วางมือจากการเมือง

 

ต่อมาในปี 2554 สุรศักดิ์ได้รับเลือกตั้งในสังกัดพรรคเพื่อไทย และในการเลือกตั้งปี 2562 ยังคงรักษาฐานเสียง คว้าชัยชนะในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และได้ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย

 

ในการเลือกตั้งปี 2566 เมื่อพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดย เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร สุรศักดิ์ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 


 

ภาพ: จตุพร อรรถโยโค

 

15. อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

 

อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อายุ 60 ปี เป็นอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นองค์กรพลังงานชั้นนำของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานและความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงาน เขามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานของประเทศ รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านพลังงานให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและความยั่งยืน

 

อรรถพล เริ่มต้นเส้นทางการทำงานที่ ปตท. จากตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฝ่ายต่างๆ ทั้งสื่อสารองค์กร การตลาดพาณิชย์และต่างประเทศ การตลาดขายปลีก 

 

ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งบริหารความยั่งยืน วิศวกรรมโครงการ และหน่วยธุรกิจน้ำมัน เขายังดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย รวมถึงรักษาการแทนรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ด้านกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย จนสุดท้ายได้รับแต่งตั้งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

16. สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ

  

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อายุ 67 ปี อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จบปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์จาก มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา

 

เริ่มทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2522 จนไต่เต้าสู่ตำแหน่งสำคัญ อาทิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ (2554-2557) รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปี 2557 เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวและปารีส และเป็นคนเอเชียคนแรกที่ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC)

 

หลังเกษียณอายุราชการ สีหศักดิ์ยังทำงานด้านการทูตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทำหน้าที่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ (2566-2567) การเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ครั้งนี้จึงถูกจับตาว่าเขาจะนำประสบการณ์และความสามารถฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และขับเคลื่อนนโยบายการทูตของไทยได้อย่างไรในเวทีโลกที่ผันผวน

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร

 

17. ศุภจี สุธรรมพันธุ์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 

 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ อายุ 61 ปี อดีตกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) จบศึกษาที่คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจสาขาการเงินและบัญชีระหว่างประเทศที่ Northrop University มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงหลายหลักสูตร ทำให้มีมุมมองเชิงกลยุทธ์และความเข้าใจเชิงลึกต่อเศรษฐกิจโลก

 

ศุภจีมีประสบการณ์บริหารงานในองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ผู้จัดการทั่วไป IBM ASEAN กว่า 20 ปี, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) และ Group CEO ของ ดุสิต อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเธอได้ผลักดันแผน ‘Repositioning Dusit’ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ Dusit Central Park ที่ผสานความยั่งยืนและมูลค่าทางเศรษฐกิจ

 

ศุภจีดำรงตำแหน่งกรรมการในหลายบริษัท ทั้ง ดุสิต เอสเตท, บองชูร์ เบเกอรี่ เอเชีย, และ สวนลุม พร็อพเพอร์ตี้ รวมถึงเคยเป็นกรรมการอิสระของธนาคารกสิกรไทยและ SCG Packaging และเคยได้รับการยกย่องในระดับเอเชีย ทั้ง 50 Over 50 : Asia 2024 และ Power Business Woman 2023 ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทผู้นำหญิงที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจไทยและเอเชีย

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

18. พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

 

พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ อายุ 64 ปี สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 20, โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 31 (รุ่นเดียวกับ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง), โรงเรียนเสนาธิการทหารบก และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 

 

พล.อ. ณัฐพล เคยรับราชการทหารเป็นผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ เมื่อปี 2531 ต่อมาเป็นอาจารย์โรงเรียนเสนาธิการทหารบก, อาจารย์วิทยาลัยการทัพบก และเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก

 

ในปี 2558 เป็นรองเสนาธิการทหารบก ปี 2559 เป็นหัวหน้าส่วนอำนวยการ สำนักงานเลขาธิการ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และเสนาธิการทหารบก ปี 2561-2563 เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก จากนั้นในปี 2563 โอนย้ายมาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ

 

พล.อ. ณัฐพล มีความใกล้ชิดกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชาเพราะเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติช่วงปี 2563 และยังเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รวมทั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศบค.ส่วนหน้า)

 

ภายหลังเกษียณอายุราชการ พล.อ. ณัฐพล ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อช่วยประคับประคองงานของ สุทิน คลังแสง ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่มาจากพลเรือน

 


 

 

19. พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

 

พล.ต.ท. รุทธพล เนาวรัตน์ เริ่มรับราชการตำรวจตั้งแต่ปี 2525 ในตำแหน่ง สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ และได้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 อย่างต่อเนื่อง

 

ตลอดเส้นทางราชการกว่า 40 ปี ท่านได้ผ่านการปฏิบัติหน้าที่ทั้งด้าน งานสืบสวน ปราบปราม การบริหารจัดการ และการพัฒนาหน่วยงานตำรวจ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 15 มกราคม 2568

 

หลังจากนั้น ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อันเป็นตำแหน่งสูงสุดในชีวิตราชการ ก่อนถึงวาระเกษียณราชการ

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

20. ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อายุ 52 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การเงิน) จาก The Wharton School of the University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา เคยเป็นอาจารย์ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินและการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยของ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ศ. ดร.นฤมลได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 เธอมีบทบาทด้านนโยบายเศรษฐกิจ และได้รับการเลือกตั้ง ต่อมาภายหลังได้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ในเดือนสิงหาคม 2563 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ต่อมา ศ. ดร.นฤมลได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากสมาชิกและทุกตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐ และเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย บทบาทหลักคือการเจรจาขายสินค้าเกษตรประเภทยางพารา ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ ร.อ. ธรรมนัส

 

วันที่ 6 สิงหาคม 2567 พรรคกล้าธรรมจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2567 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ ผลการลงคะแนนได้มีมติเลือก ศ. ดร.นฤมล เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ทั้งนี้พรรคกล้าธรรมได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาจากพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ. ธรรมนัส ก่อนจะได้รับให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

21. อรรถกร ศิริลัทธยากร

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 

 

อรรถกร ศิริลัทธยากร อายุ 41 ปี เป็นบุตรของอิทธิ ศิริลัทธยากร เติบโตในครอบครัวที่มีความผูกพันกับการเมืองท้องถิ่น ก่อนจะก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติในเวลาต่อมา 

 

ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง อรรถกรเคยประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่ความสนใจด้านการเมืองทำให้เขาตัดสินใจก้าวลงสนามเลือกตั้งในปี 2554 ในนามพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกตั้งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ นับเป็นการเปิดตัวในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ที่น่าจับตา

 

ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2562 เขาย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และได้รับเลือกเป็น สส.บัญชีรายชื่ออีกครั้ง ภายใต้การสนับสนุนของครอบครัว ในปี 2564 เขาได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และยังทำหน้าที่โฆษกพรรคอีกด้วย

 

อรรถกรก้าวสู่ระดับรัฐมนตรีในเดือนเมษายน 2567 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แม้ต่อมาเขาจะลาออกจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ 

 

แต่ยังคงมีบทบาททางการเมืองต่อเนื่อง และภายหลังได้ย้ายเข้าสู่พรรคกล้าธรรม พร้อมรับตำแหน่งนายทะเบียนสมาชิกพรรค ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

22. อัครา พรหมเผ่า

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

 

อัครา พรหมเผ่า 53 ปี เป็นน้องชายของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ Business Management TAFE จาก The Sydney Institute ออสเตรเลีย, ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

เริ่มต้นเส้นทางการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา (อบจ.พะเยา) เป็นรองนายก อบจ. ถึง 2 สมัย ก่อนจะได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.พะเยา ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในปี 2563 ในนามกลุ่มฮักพะเยา โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้น 

 

หลังดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.อัคราได้ลาออกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เพื่อก้าวเข้าสู่การทำงานทางการเมืองในระดับประเทศ แม้พรรคเพื่อไทยจะวางตัวเขาให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.พะเยา ต่ออีกสมัย แต่เขาเลือกสนับสนุนผู้สมัครอีกคน คือ ธวัช สุทธวงค์ ให้ดำรงตำแหน่งแทน

 

ในระดับประเทศ อัคราเคยดำรงตำแหน่งกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงเป็นหนึ่งในคณะทำงานร่างนโยบายและยุทธศาสตร์ทางการเมือง และทำหน้าที่ที่ปรึกษาให้กับ ร.อ. ธรรมนัส ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จากนั้นในปี 2567 อัคราได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร

 


 

ภาพ: ศวิตา พูลเสถียร 

 

23. พัฒนา พร้อมพัฒน์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 

พัฒนา พร้อมพัฒน์ อายุ 41 ปี บุตรชายของ สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำคนสำคัญของจังหวัดเพชรบูรณ์ สันติถือเป็นนักการเมืองที่มีบทบาทยาวนาน ทั้งการปรากฏตัวในตำแหน่งรัฐมนตรีหลายสมัย รวมถึงบทบาทเบื้องหลังของพรรค โดยเฉพาะในการจัดการด้านอาคารสำนักงานและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของพรรค


พัฒนา เป็นผู้บริหาร บริษัท วอเตอร์เกทพาวิลเลี่ยน จำกัด และเริ่มสร้างชื่อเสียงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปี 2560 เขาเข้าซื้อกิจการอาคาร I.C.E. Tower (ปัจจุบันคือ SKYY9 Center) ซึ่งในเวลานั้นเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ร้างและทรุดโทรม ก่อนจะขายต่อให้กลุ่มทุน AGRE 101 ในปี 2562 มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน

 

ต่อมา เมื่อกองทุนประกันสังคมเข้าซื้ออาคารดังกล่าวต่อในราคากว่า 7,000 ล้านบาท ได้ก่อให้เกิดข้อสงสัยและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม แต่พัฒนาได้ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการทำธุรกรรมนั้น

 


 

 

24. ตรีนุช เทียนทอง

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

 

ตรีนุช เทียนทอง อายุ 53 ปี เกิดที่อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว จบการศึกษาระดับปริญญาตรี 2 ใบจาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ Western Illinois University สหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก Western Illinois University โดยมีครอบครัวและเครือญาติที่มีบทบาทในสังคมและการเมือง

 

เส้นทางการเมืองของตรีนุชเริ่มจากการเป็น สส.สระแก้ว ตั้งแต่ปี 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย และดำรงตำแหน่ง สส. มาแล้วหลายสมัย ผ่านหลายพรรค ได้แก่ พรรคประชาราช พรรคเพื่อไทย และปัจจุบันสังกัด พรรคพลังประชารัฐ

 

ในปี 2564 เธอได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับเป็นสตรีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ สส. จังหวัดสระแก้ว

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

25. ธนกร วังบุญคงชนะ 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

ธนกร วังบุญคงชนะ อายุ 52 ปี เกิดที่อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จบการศึกษาปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกริก ปริญญาโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาเอก สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น พร้อมผ่านหลักสูตรสำหรับนักบริหารระดับสูงด้านการเมืองและการเลือกตั้ง

 

ด้านการเมือง ธนกรเคยลงสมัคร สส. กรุงเทพมหานคร พรรคมัชฌิมาธิปไตย ปี 2550 และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ปี 2554 แต่ไม่ได้รับเลือก ต่อมาในปี 2561 เขาเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐกับกลุ่มสามมิตร ได้ตำแหน่งรองโฆษกพรรค และลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 ก่อนจะได้รับการเลื่อนลำดับและดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2565

 

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 ธนกรได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และต่อมาในวันที่ 27 มกราคม 2566 เขาได้สมัครเข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในช่วงเดือนมีนาคม

 


 

 

26. ทรงศักดิ์ ทองศรี

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ทรงศักดิ์ ทองศรี อายุ 67 ปี เป็นที่รู้จักจากการเข้าสมัคร สส. จังหวัดบุรีรัมย์ สังกัดพรรคพลังประชาชน และดำรงตำแหน่งต่างๆ ในวงการการเมืองมากมาย เช่น ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยที่สมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

 

ในปี 2551 ทรงศักดิ์ ถูกศาลสั่งตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 36 กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน สืบเนื่องจากกรณีทุจริตการเลือกตั้ง สส. ปี 2550 ที่พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคพลังประชาชน ถูกฟ้องเป็นจำเลย

 

ต่อมาในปี 2557 ทรงศักดิ์ ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 3 และในปี 2562 ก็ได้รับเลือกตั้งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 6 พร้อมได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ทรงศักดิ์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิม ภายใต้รัฐบาลนำโดยเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร 

 

ถือว่าเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยยาวนานที่สุดคนหนึ่ง

 


 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

27. ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อายุ 64 ปี อดีต สส.กาญจนบุรี เขต 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) สมัยแรก ที่ชนะคู่แข่งธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ แชมป์เก่าจากพรรคภูมิใจไทย จบการศึกษาโรงเรียนป่าไม้ จังหวัดแพร่ ปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และปริญญาโทด้านการบริหารทรัพยากรป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

 

เริ่มงานราชการในกรมป่าไม้ ก่อนเลื่อนตำแหน่งเป็น ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11, ผอ.ทสจ.ปัตตานี, รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปี 2562 จนเกษียณปี 2564 หลังเกษียณ เขาเข้าสู่การเมืองระดับชาติและคว้าเก้าอี้ สส.กาญจนบุรี เขต 4 สำเร็จ

 

ก่อนจะนำสส.พรรคเพื่อไทยรวม 9 คน ประกาศสนับสนุนและร่วมแถลงข่าว ร่วมเป็นโหวตเตอร์ให้นายกฯ อนุทิน 

 


 

 

28. ศศิธร กิตติธรกุล

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

 

ศศิธร กิตติธรกุล อายุ ปี เป็นบุตรสาวของสมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ 8 สมัย และญาติของกิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และเป็นประธานเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวและพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค 

 

ศศิธรจบการศึกษาเรียนจบปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัย Louisiana State University ใน สาขา B. S. International Trade and Finance ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นต่อปริญญาโท ที่ University of La Verne ในสาขา MBA In Supply Chain Management ที่สหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน

 

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเขตพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เคยมีตำแหน่งเป็นกรรมการวิทยาเขตผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตกระบี่ และอีกหลายกรรมการในจังหวัดกระบี่ 

 

อีกทั้งยังเคยเป็นเลขานุการนายกสมาคมแม่บ้านองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่  รวมถึงยังเป็นคณะทำงานอีกหลายคณะ เช่น คณะทำงานติดตามประเมินการประกอบกิจการและวิถีชีวิตของประชาชนระดับจังหวัด เพื่อศึกษามาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดกระบี่ (ศปก.ก.กบ.) และคณะทำงานการควบคุมกำกับการดำเนินงาน Big Cleaning Week จังหวัดกระบี่

 


 

 

29. วรภัค ธันยาวงษ์ 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง

 

วรภัค ธันยาวงษ์ อายุ 61 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และอดีตประธานคณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการเงินที่สะสมมายาวนาน

 

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลีสซิ่งและธนาคาร มีประสบการณ์บริหารในองค์กรระดับสากลและธนาคารชั้นนำของไทยหลายแห่ง อาทิ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด, กรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงก์ออฟอเมริกา สาขาประเทศไทย, กรรมการผู้จัดการ ธนาคารดอยช์แบงก์ สาขาประเทศไทย, กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด

 

นอกจากนี้ เคยเป็นรองผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด และ บริษัท ฟินันซ่า แคปิตอล จำกัด ก่อนดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2555

 

ในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เขาได้รับการยกย่องในวงการการเงินและธุรกิจ ทั้งรางวัล Thailand Business Leader of the Year Award จากเครือข่ายข่าวธุรกิจ CNBC และรางวัล นักการเงินแห่งปี 2558 ซึ่งสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญ ความเป็นผู้นำ และผลงานอันโดดเด่นในการบริหารองค์กรทางการเงินของประเทศไทย

 


 

 

30. มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช 

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

 

มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช อายุ 61 ปี เป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด เป็นบุตรสาวของนายกมล จิระพันธุ์วาณิช อดีต สส. ลพบุรี พรรคชาติไทย 8 สมัย และพยงค์ จิระพันธุ์วาณิช มีพี่ชายคือ สุบรรณ จิระพันธุ์วาณิช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี ที่บ้านทำธุรกิจศูนย์การค้าในจังหวัดลพบุรีและยังประกอบกิจการค้าข้าว ในชื่อ ‘ท่าข้าวจิระพันธุ์วาณิช’

 

มัลลิกา เรียนจบปริญญาตรี 2 ใบ ใบแรกจากคณะศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาการมัธยมศึกษา จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และใบที่ 2 จากคณะนิติศาสตรบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง จากนั้นเรียนต่อระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

มัลลิกา เริ่มเล่นการเมืองในปี 2534 ด้วยการเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองลพบุรี จากนั้นในปี 2547 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี เขตอำเภอท่าวุ้ง 

 

ก่อนจะผันตัวเข้าสู่สนามการเมืองระดับประเทศ ในปี 2552 จากการชิงเก้าอี้เลือกตั้งซ่อม สส.ลพบุรี ในนามพรรคชาติไทยพัฒนา แทนกมล ผู้เป็นบิดา ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี 

 

เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทย และได้รับชัยชนะได้เป็น สส. สมัยแรก จากนั้นในปี 2554 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย และได้รับการเลือกตั้งรวม 3 สมัย มาจนถึงปัจจุบัน

 


 

ภาพ: โรงเรียนนายสิบทหารบก

 

31. พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

 

พล.ท. อดุลย์ บุญธรรมเจริญ อายุ 61 ปี อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา อยู่ในพื้นที่อีสานใต้มาตั้งแต่จบการศึกษา หลังจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รับราชการที่หน่วยทหารจังหวัดบุรีรัมย์มาตลอด เติบโตขึ้นเป็นผู้หมวด ผู้บังคับการกอง ก่อนจะขึ้นเป็น ผบ.ร.23 พัน 4 ในยุคที่ตระกูลชิดชอบ 

 

สำหรับ พล.ท. อดุลย์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 26 มี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. พล.ท. บุญสิน พาดกลาง พล.ต. วีระยุทธ์ รักศิลป์ ว่าที่แม่ทัพภาคที่ 2 ด้วย และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 61 ซึ่งเป็นผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรที่เน้นเรื่องการป้องกันประเทศ กับนายกรัฐมนตรีด้วย

 


 

 

32. องอาจ วงษ์ประยูร

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

องอาจ วงษ์ประยูร อายุ 63 ปี เป็นบุตรชายของบัญญัติ วงษ์ประยูร อดีต สส.สระบุรี และทองอยู่ วงษ์ประยูร การศึกษาของเขาได้แก่ นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, Bachelor of Science สาขาบริหารธุรกิจ Fort Lauderdale College และ ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

เส้นทางการเมืองเริ่มจากการเป็น เทศมนตรีเทศบาลตำบลพระพุทธบาท ก่อนจะได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสระบุรี ปี 2549 ต่อมาปี 2550 ลงสมัคร สส.สระบุรี สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ในปี 2552 เขาได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สระบุรี ครั้งแรกหลังจากพรรคพลังประชาชนถูกยุบ

 

ต่อมาปี 2554 องอาจย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกเป็น สส. อีกหลายสมัย ก่อนยื่นลาออกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเข้าสังกัด พรรคพลังประชารัฐ และได้รับเลือกตั้งเป็น สส.สระบุรีอีกครั้ง ส่งผลให้เขาเป็น สส.จังหวัดสระบุรีมาแล้วรวม 4 สมัย ตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2566

 


 

 

33. อามินทร์ มะยูโซ๊ะ

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

อามินทร์ มะยูโซ๊ะ วัย 39 ปี สส. นราธิวาส เขต 2 สังกัดพรรคกล้าธรรม จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยทักษิณ เริ่มต้นเส้นทางการเมืองจากการเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส 2 ปี ก่อนลงสมัคร สส.นราธิวาส เขต 2 ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมของสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ พี่ชายที่ย้ายไปลงเขตอื่น ทำให้ได้รับเลือกเป็น สส.ป้ายแดง พร้อมกับพี่ชายเข้าสภา

 


 

 

34. นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

นเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ อายุ 57 ปี เกิดและเติบโตในจังหวัดเชียงใหม่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง) รุ่น 1 มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พร้อมผ่านหลักสูตรผู้บริหารภาครัฐและกฎหมายมหาชนจากสถาบันพระปกเกล้า

 

เส้นทางการเมืองของนเรศเริ่มจากการติดตามงานการเมืองของ พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย อดีตสมาชิกวุฒิสภา ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. จังหวัดเชียงใหม่ เขต 8 ในปี 2562 สังกัดพรรคพลังประชารัฐ แม้ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

ปัจจุบันนเรศดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคกล้าธรรม และเป็น สส. จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับเลือกตั้งในปี 2566 เป็น สส.คนเดียวของพรรคพลังประชารัฐที่ชนะการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้ย้ายสังกัดมาสู่พรรคกล้าธรรม

 


 

 

35. วรโชติ สุคนธ์ขจร

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข

 

วรโชติ สุคนธ์ขจร อายุ 59 ปี เกิดที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ก่อนเข้าสู่วงการบริหารท้องถิ่น

 

เส้นทางการเมืองท้องถิ่นนั้น เขาเริ่มจากการเป็น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (ส.อบจ.) เขต 1 อำเภอชนแดน ตั้งแต่ปี 2547-2551 จากนั้นได้รับเลือกตั้งเป็น ประธานสภา อบจ. เพชรบูรณ์ เขต 1 ในปี 2551-2555 และได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2555-2559

 

วรโชติ เคยดำรงตำแหน่ง ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและขับเคลื่อนการบริหารท้องถิ่น ปัจจุบันวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ 

 


 

 

36. จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ

ตำแหน่ง: รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 

 

จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ อายุ 59 ปี เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จบการศึกษามหาบัณฑิตสาขาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม จากมหาวิทยาลัยบูรพา เริ่มต้นชีวิตราชการในสายสรรพาวุธทหารเรือ 

 

ก่อนจะลาออกและเข้าสู่สนามการเมืองท้องถิ่นในปี 2544 ด้วยการลงสมัครประธานกรรมการบริหาร อบต.บางผึ้ง ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น นายก อบต.บางผึ้ง จ.ฉะเชิงเทรา และได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องถึง 4 สมัย รวมระยะเวลา 15 ปี

 

ในปี 2563 ยศสิงห์ก้าวสู่การเมืองระดับจังหวัดด้วยการชิงเก้าอี้นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา ในนามคณะก้าวหน้า แม้จะแพ้ให้กับกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีตนายก อบจ. 3 สมัย แต่สามารถทำคะแนนสูงถึง 132,191 คะแนน และพาทีม ส.อบจ.คณะก้าวหน้าเข้ารับตำแหน่งได้ 10 คน 

 

ต่อมาในปี 2565 ยศสิงห์ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และในปี 2566 เขาเข้าสู่สนามการเมืองระดับชาติ ด้วยการลงสมัคร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 4 ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ 

 

จากนั้นวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (สุชาติ ชมกลิ่น)

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising