‘ตายทั้งตลาด’ คำนี้มักจะถูกยกมาใช้กับรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่าดีแบบครบเครื่อง ทั้งในส่วนของตัวรถ สมรรถนะ และราคาค่าตัว โดยรถที่ได้รับคำชมเช่นนี้มักจะอยู่ในคลาสระดับราคาเริ่มต้นถึงกลางๆ และมักจะเปรียบเทียบอยู่ในรถเซกเมนต์ของตัวเอง
แต่หลังจากที่ BYD เปิดตัวและประกาศราคา SEAL รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดออกมา SEAL กลับสร้างปรากฏการณ์ใหม่ กลายมาเป็นหัวข้อสำคัญที่ถูกกล่าวถึงของคนที่กำลังมองหารถยนต์ไว้ใช้งานสักคัน
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเบื้องต้น BYD SEAL กันสักเล็กน้อย เจ้าของฉายาแมวน้ำเปิดตัวด้วย 3 รุ่นย่อยราคาดังนี้ Dynamic 1,325,000 บาท, Premium 1,449,000 บาท และท็อปสุด Performance 1,599,000 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบบซีดานขนาดความยาวฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร จัดอยู่ในคลาสรถซีดานขนาดกลางหรือ D-Segment
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ในมือ ประธานวงศ์ พรประภา ฝันที่ยิ่งใหญ่ของ ไฮโซพก
- เคาะแล้ว! ‘BYD Dolphin’ เปิดตัวที่ราคา 699,999-859,999 บาท ส่งมอบล็อตแรก 1,200 คัน ภายใน ก.ค. นี้ ลั่น! เชื่อมั่นรัฐบาลไทยต่ออายุแพ็กเกจส่งเสริม EV
- การมีรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมส่งมอบทำให้แบรนด์จีนได้เปรียบเหนือแบรนด์ ญี่ปุ่น จุดติด ‘BYD’ ให้เร่งเครื่องในไทย
จุดเปรียบเทียบแรกที่ทุกคนนึกถึงคือ คู่ปรับในคลาสอย่าง Toyota Camry และ Honda Accord ที่เมื่อหยิบเอาสมรรถนะมาเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดว่า แค่เพียงรุ่นเริ่มต้นของ SEAL ก็ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งแบรนด์ญี่ปุ่นแต่อย่างใด ยิ่งเปรียบเทียบกับรุ่นท็อปจะพบว่า BYD เหนือกว่ามาก ในราคาที่ต่ำกว่าหลายแสน และหากมองมาที่ออปชันที่ได้ BYD กลับให้มากกว่าด้วย
ซึ่ง Honda เพิ่งจะมีการประกาศเปิดตัว Accord โฉมใหม่ พร้อมประกาศราคาคาดการณ์ 1,530,000-1,800,000 บาท โดยจะมีการเปิดตัวในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เห็นชัดว่ารุ่นต่ำสุดของ Accord ราคาพอๆ กับ SEAL แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Tesla Model 3 ยังเป็นข้อถกเถียงในวงกว้างทั้งในไทยและในประเทศจีนที่มีความเห็นแตกต่างกัน โดยฝ่ายกองเชียร์ BYD จะเรียก SEAL ว่าเป็น Model 3 Killer หรือรถที่จะสยบความร้อนแรงของ Tesla Model 3 ได้
ในทางกลับกัน ข้อมูลจากการรายงานข่าวยอดขายในประเทศจีน (ข้อมูลจาก www.carnewschina.com) เปรียบเทียบระหว่าง SEAL กับ Model 3 พบว่ายอดขาย Model 3 ยังคงมากกว่าในทุกเดือน ทั้งที่ Model 3 มีช่วงเปลี่ยนผ่านจากโฉมเก่ามาเป็นรุ่นปรับโฉมใหม่ SEAL ก็ไม่สามารถทำยอดขายแซงได้
ดังนั้นฟากฝั่งกองเชียร์ของ Tesla จึงมองว่าเป็นเพียงการโอเวอร์เคลมเท่านั้น แต่ยอดขายรวมทุกรุ่นในหมวด NEVs แบรนด์ BYD สูงกว่า Tesla เกือบเท่าตัว
ราคาที่ไม่แตกต่าง
กระนั้นสงครามครั้งนี้ก็ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะหากมองด้วยราคาเป็นตัวตั้ง ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ‘ตายทั้งตลาด’ ด้วยรุ่นเริ่มต้นที่ 1,325,000 บาท ห่างจากรุ่นท็อปของ รถคอมแพ็กซีดานอย่าง Honda Civic, Mazda 3 และ Toyota Altis เพียงแสนกว่าบาท เปรียบเทียบเป็นเงินผ่อนต่อเดือน (ดาวน์ 25% และผ่อน 48 งวด BYD SEAL จะผ่อนเดือนละประมาณ 22,000 บาท)
ห่างกันเพียง 1 พันกว่าบาทเท่านั้น แต่ได้รถขนาดใหญ่กว่าและออปชันเยอะกว่า ใครละจะไม่คิดหนัก!
โดยสามารถกินรวบไปถึงรถที่ราคาประมาณ 1,000,000 บาทได้ด้วย เพราะค่าผ่อนจะอยู่ที่ราวเดือนละ 18,000 บาท ซึ่งหากนำมาหักกับค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานต่อเดือน จะกลายเป็นว่าแทบไม่แตกต่างกัน
เนื่องจากรถที่ใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนจะเสียค่าไฟอยู่ที่ประมาณ 0.7-1.2 บาทต่อกิโลเมตร เทียบกับรถใช้น้ำมันจะใช้ค่าน้ำมันราว 3-4 ต่อกิโลเมตร (อัตราสิ้นเปลือง 10 กิโลเมตรต่อลิตร ค่าน้ำมันเฉลี่ย 35-40 บาท) หากคุณใช้รถเดือนละ 1,000 กิโลเมตร จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ระหว่าง 2,000-3,000 บาท
สมรรถนะที่ใกล้เคียง
หากคุณกำลังมองหารถระดับพละกำลัง 300 แรงม้า คุณย่อมต้องนึกถึงรถในระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป หรือมองหารถระดับ 500 แรงม้า ย่อมต้องมองไปที่ราคาระดับ 4-10 ล้านบาท ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีรถแรงระดับนั้นออกมาจำหน่ายในราคาล้านกลางๆ ผ่อนต่อเดือนเพียง 24,000-27,000 บาท (ดาวน์ 25%) แต่ BYD SEAL คือตัวเลือกนั้น
โดยเฉพาะตัวท็อป Performance ที่มีความแรงระดับ 530 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.8 วินาที ความแรงไม่ต่างจากซูเปอร์คาร์ราคานับสิบล้านบาท ทำให้ BYD SEAL สามารถกินรวบไปถึงตลาดบนของคนที่มีกำลังซื้อสูง และชอบรถสมรรถนะสูงได้อีกด้วย
เหนือสิ่งอื่นใด อาจส่งผลไปถึงกลุ่ม ‘พ่อแม่น้องออนิว’ ที่ชอบความแรง เพราะหากดูตารางผ่อนดาวน์จะเห็นว่าใช้เงินดาวน์เริ่มต้นเพียง 159,900 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของรถ 500 แรงม้าได้แล้ว ซึ่งยังไม่มีรถรุ่นใดทำได้แบบนี้ และประเด็นนี้กลายมาเป็นข้อกังวลใจที่เรากำลังจะกล่าวต่อไป
500 แรงม้า กับวุฒิภาวะที่ต้องมี
มีนักแข่งรถระดับตำนานเคยเปรียบเปรยเอาไว้ว่า ‘รถยนต์ 500 แรงม้านั้นไม่แตกต่างอะไรกับกระสุนปืน 11 มิลลิเมตร’ เพราะมันสามารถทำให้คนตายได้เพียงเสี้ยววินาที ด้วยความเร็วและความแรงของตัวรถ ที่หากไม่มีทักษะในการควบคุมหรือเกิดคึกคะนองอยากลองความแรง ทำให้โอกาสการเกิดอุบัติเหตุย่อมมีสูงมากกว่ามาก
ตัวอย่างที่เห็นได้และเกิดขึ้นมาแล้วในไทยคือ คนขี่มอเตอร์ไซค์และขยับมาขี่บิ๊กไบค์ เราเห็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นประเด็นนี้จึงเป็นข้อน่ากังวลสำหรับคนใช้รถใช้ถนนทั่วไป
ซึ่งแนวทางในการป้องกันคงเป็นเรื่องยาก เพราะจากบทเรียนที่ผ่านมาในอดีต การขยับของหน่วยงานภาครัฐแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะต้องให้เกิดเหตุความสูญเสียในระดับวงกว้างเสียก่อนภาครัฐจึงจะขยับตัว ปัจจุบันแนวคิดของการอนุมัติสอบผ่านได้ใบขับขี่คือ ‘ขับรถได้’ ยังไม่ใช่ ‘ขับรถเป็น’ ยิ่งไปกว่านั้น การซื้อรถของประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่ก็สามารถซื้อรถได้
สุดท้าย ความกังวลและความเสี่ยงตรงประเด็นนี้ เราคงได้แค่ส่งเสียงไปถึงผู้รับผิดชอบควรจะออกมาขยับก่อนเกิดความสูญเสีย มิฉะนั้นคำว่า ‘ตายทั้งตลาด’ มันอาจไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็น ‘คนที่คุณรัก’ รวมอยู่ด้วย