×

อะไรที่ทำให้ BYD ทุบสถิติกวาดยอดขายทั่วโลกเกินเป้า 4 ล้านคัน ในปี 2024 แซงหน้า Ford-Honda

10.12.2024
  • LOADING...
BYD เตรียมทุบสถิติ

BYD เตรียมทุบสถิติยอดขายทั่วโลกเกินเป้า 4 ล้านคันในปี 2024 และคาดว่าจะแซงหน้า Ford และ Honda เผย แม้ปีนี้เศรษฐกิจไทยชะลอ แต่แนวโน้มตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยไม่แผ่ว หลังยอดจองสูงสุดในงาน Motor Expo 2024 โดย Toyota ยังรั้งเบอร์ 1 ตามด้วย BYD และแบรนด์ EV จีนอย่าง AION ส่วน MG ยังคงเข้ามาทำตลาดในไทยคึกคัก

 

sสำนักข่าว Reuters รายงานว่า BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังจะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากยอดขายทั่วโลกในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาใกล้เกินเป้ายอดขายปี 2024 โดยอาจแซงหน้า Ford และ Honda ซึ่งอ้างอิงจากการเปิดเผยตัวเลขของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (CPCA)

 

โดยในปีนี้ BYD เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการเพิ่มกำลังการผลิตและการจ้างงานจำนวนมากเพื่อเพิ่มรายได้ ซึ่งรายได้ไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 24% นับเป็นยอดขายที่มากกว่า Tesla เป็นครั้งแรก

 

ปัจจัยหลักๆ มาจากแรงหนุนยอดขายที่แข็งแกร่งในประเทศจีน BYD ซึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่การทำลายสถิติยอดขายประจำปีที่ 4 ล้านคัน และคาดว่าแซงหน้า Honda ของค่ายรถยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นและ Ford ที่มีฐานอยู่ในเมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2024 ทั้งนี้ BYD ส่งมอบรถยนต์ 3.76 ล้านคันในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ โดยส่งมอบในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาจำนวน 506,804 คัน

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ยอดขายที่แข็งแกร่งของบริษัทมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการแข่งขันสูงอย่างเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งล่าสุดสามารถเอาชนะคู่แข่งและแนวโน้มดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าบริษัทได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น โดยยอดขายรถยนต์ในจีนเติบโตในเดือนพฤศจิกายนอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปีที่แล้วนับตั้งแต่เดือนมกราคม แน่นอนว่าอีกปัจจัยก็มาจากการอุดหนุนของรัฐบาล

 

สัดส่วนยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่และยอดขายรถยนต์ประเภทเชื้อเพลิงอื่นๆ ในจีน

สัดส่วนยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่และยอดขายรถยนต์ประเภทเชื้อเพลิงอื่นๆ ในจีน

 

CPCA ระบุอีกว่า ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม BYD มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในจีนอยู่ที่ 16.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 12.5% ในปี 2023 ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในจีนของ BYD คิดเป็น 90% ของยอดขายรวมทั้งหมดของบริษัท

 

รายงานข่าวระบุว่า อันดับรถยนต์ที่มียอดจองสูงสุดในงาน Motor Expo 2024 ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 7 ธันวาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 10 วัน พบว่า Toyota ยังรั้งเบอร์ 1 ตามด้วย BYD และ Honda ขณะที่แบรนด์ EV จีนที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ แบรนด์ AION, MG และ NETA มียอดจองตามมาติดๆ

 

กฤษฎา อุตตโมทย์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวในงานเสวนา ‘เช็กลิสต์ความพร้อมการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า’ ภายในงาน Motor Expo 2024 ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปีที่ผ่านมาพบยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 600% หรือราว 76,000 คัน คิดเป็น 10% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดของประเทศ แนวโน้มการเติบโตเป็นผลมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ

 

“ถึงแม้ว่าในปีนี้ผลพวงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้การผลิตและการใช้รถยนต์ในประเทศลดลง แต่สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราวๆ 13-14% ของยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความต้องการของผู้ใช้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และความท้าทายด้านการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะเพื่อรองรับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต”

 

ขณะที่ รศ. ดร.ยศพงษ์ ลออนวล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามีการแข่งขันกันสูง ถ้าซื้อวันนี้จะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าการใช้รถยนต์สันดาปแน่นอน แต่รถยนต์ไฟฟ้าก็มีโอกาสที่จะจำหน่ายในราคาที่ถูกลงได้อีกเพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา

 

“ส่วนตลาดโลกปัจจุบันมีการพูดถึงการชาร์จไฟแบตเตอรี่ 800 โวลต์แล้ว ไม่ใช่แค่ 400 โวลต์ กล่าวคือ ผู้ซื้อต้องมีความรู้ในเรื่องการใช้ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็ต้องให้ข้อมูลผู้ซื้อให้ครบถ้วน ถ้าถามผมคือตัดสินใจซื้อแล้วต้องใช้ยาวๆ และยอมรับในเรื่องของราคา EV ที่อาจจะถูกลง” รศ. ดร.ยศพงษ์ กล่าว

 

ภาพ: VCG / Contributor / Getty Images

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X