BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการก้าวขึ้นสู่อันดับ 7 ของโลกในด้านยอดขายรถยนต์ในไตรมาส 2 ของปี 2024 แซงหน้า Honda และ Nissan อย่างสวยงาม โดยมีแรงหนุนสำคัญจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาสที่ผ่านมา BYD ทำยอดขายรถยนต์ได้ถึง 9.8 แสนคัน เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำส่วนใหญ่รวมถึง Toyota และ Volkswagen กลับมียอดขายลดลง โดยยอดขายในต่างประเทศของ BYD เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าเป็น 1.05 แสนคัน
BYD ได้รับแรงหนุนจากความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ยอดขายในเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในทางกลับกัน ค่ายรถญี่ปุ่นที่ยังคงเน้นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงกำลังเผชิญกับความท้าทาย ยอดขายของ Honda ในจีนลดลง 40% ในเดือนมิถุนายน และบริษัทมีแผนที่จะลดกำลังการผลิตในประเทศลงประมาณ 30% แม้แต่ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 80% Suzuki ก็ประกาศยุติการผลิต ขณะที่ Honda ลดกำลังการผลิตลงครึ่งหนึ่ง
จีนยังคงเป็นผู้นำในการส่งออกรถยนต์ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนส่งออกรถยนต์ไปแล้ว 2.79 ล้านคัน มากกว่าญี่ปุ่นถึง 7.8 แสนคัน BYD เปิดโรงงานประกอบรถยนต์เต็มรูปแบบแห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศไทย และมีแผนที่จะเปิดโรงงานเพิ่มเติมในฮังการีและบราซิล รวมถึงกำลังพิจารณาการผลิตในเม็กซิโกด้วย
ความสำเร็จของ BYD และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนรายอื่นๆ สร้างความกังวลให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนเป็น 100% และแคนาดาก็กำลังพิจารณาที่จะทำตาม
สหภาพยุโรปก็เริ่มเก็บภาษีเพิ่มเติมจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีน และเสนอให้เพิ่มอัตราภาษีสูงสุดถึง 36.3% ในอนาคต เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรป ซึ่งส่งผลให้ BYD ต้องปรับแผนและสร้างโรงงานใหม่ในตุรกี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่กำลังตามหลัง การรักษาส่วนแบ่งในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยังไม่สามารถเข้าถึงได้เนื่องจากภาษีที่สูง จึงมีความสำคัญมากขึ้น แม้ว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง แต่รถยนต์ไฮบริดของ Toyota และ Honda ก็ยังคงได้รับความนิยม
การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องหาทางลดต้นทุนและพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ที่ทำกำไรได้ Honda จึงร่วมมือกับ Nissan และ Mitsubishi Motors ในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และอาจมีการควบรวมกิจการครั้งใหญ่เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถอยู่รอดในการแข่งขันกับคู่แข่งจากจีนได้
อ้างอิง: