BYD ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ซึ่งเพิ่งแซงหน้า Tesla เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ทำกำไรได้มากกว่า 3 เท่าในครึ่งปีแรก 2022 จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 300% แถมยังเอาชนะการประมาณการของนักวิเคราะห์ได้อีกด้วย
กำไรสุทธิตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2022 อยู่ที่ 3.6 พันล้านหยวน หรือกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 1.17 พันล้านหยวนในปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 65.7% เป็น 1.5 หมื่นล้านหยวน โดยมีกำไรต่อหุ้น 1.24 หยวน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เฉลี่ย 0.42 หยวน จากการสำรวจโดยนักวิเคราะห์ของ Bloomberg
สิ่งที่ทำให้ BYD ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากวอร์เรน บัฟเฟตต์ บรรลุผลกำไรในครึ่งปีแรกแม้จะมีความตึงเครียดในห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ เกิดจากการสามารถจัดการซัพพลายเชนได้ดีกว่าบริษัทอื่นๆ มากมาย รวมถึงคู่แข่งในประเทศอย่าง NIO Inc., XPeng Inc. และ Li Auto Inc.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- BYD รถยนต์ไฟฟ้า จากแดนมังกรที่กำลังจะเข้าไทย รั้งเบอร์ 2 ที่ขายได้มากสุดของโลกในช่วงครึ่งปีแรก 2022 ตามจี้ Tesla มาติดๆ
- รู้จัก BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าชื่อนี้ ที่ Tesla อยากได้ และกำลังจะเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นครั้งที่ 3
- BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ในมือ พรประภา ฝันที่ยิ่งใหญ่ของ ไฮโซพก ประธานวงศ์
เนื่องจากมีการปิดเมืองทั้งเมืองในเซี่ยงไฮ้และฉางชุน ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์รายใหญ่สองแห่งในประเทศจีน บังคับให้ผู้ประกอบและผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายพันรายต้องระงับการผลิตบางส่วน เช่น แบตเตอรี่ และเซมิคอนดักเตอร์ ในระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม แต่ BYD ไม่ได้มีโรงงานอยู่ที่นั่น
“รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดของ BYD ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้ขับขี่ชาวจีนว่าเป็นรถยนต์คุณภาพสูง” Chen Jinzhu ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Shanghai Mingliang Auto Service กล่าว “รถรุ่นใหม่ถูกมองว่าให้ความคุ้มค่าแก่ลูกค้า”
Seal ซีดานไฟฟ้าเต็มรูปแบบของ BYD ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ Model 3 ของ Tesla ที่ผลิตในเซี่ยงไฮ้ ได้รับคำสั่งซื้อประมาณ 60,000 คันนับตั้งแต่เปิดตัวในปลายเดือนพฤษภาคม โดยมีราคาอยู่ระหว่าง 209,800-286,800 หยวน สามารถวิ่งได้ไกลถึง 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วน Model 3 มีราคาอยู่ที่ 279,900 หยวน และมีระยะการขับขี่ 556 กิโลเมตร
ในตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของแดนมังกร ซึ่งประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ไฮบริดปลั๊กอิน และเซลล์เชื้อเพลิงล้วนๆ BYD ครองส่วนแบ่ง 25.7% ในครึ่งปีแรก โดยสามารถขายได้ 641,000 คัน เพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบปีต่อปี ที่สำคัญยังมียอดขายมากกว่า 564,000 คันในช่วงเวลาเดียวกันของ Tesla และ BYD สามารถขายรถคันใหม่ในช่วง 7 เดือนแรกมากกว่ายอดขายปี 2020 และ 2021 รวมกันเสียอีก
BYD ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 ในฐานะผู้ผลิตแบตเตอรี่ ก่อนจะเริ่มผลิตรถยนต์ในปี 2003 และได้พัฒนาเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในประเทศจีนในที่สุด
นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนได้เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของ BYD ในเซินเจิ้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคม และให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นแล้ว และรักษานโยบายสิทธิพิเศษไว้เพื่อทำให้ประเทศจีนเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ประเมินว่า BYD จะสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ 1.5-2 ล้านคันในปีนี้ โดยราคาขายที่สูงขึ้นและการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวช่วยในการทำกำไร นอกจากนี้ยังมาจากการขยายไปยังตลาดใหม่ 7 แห่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย และเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม BYD ระบุความท้าทายต่างๆ รวมถึงโควิด และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์และทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนการระบาดของไวรัสเป็นระยะๆ ในจีน ทำให้เกิดความตึงเครียดในซัพพลายเชนและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
ในภาพรวมหุ้นของ BYD ลดลงประมาณ 1% ในปีนี้ แต่ช่วงที่ผ่านมาความผันผวนทำให้หุ้นลดลงมากถึง 37% และเพิ่มขึ้นมากถึง 24% ในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อต้นปี BYD แซงหน้า Volkswagen ขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 3 ของโลก รองจาก Toyota Motor และ Tesla Inc.
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: