วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) ที่รัฐสภา การประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งมี พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา เป็นประธานที่ประชุม ได้มีการเลื่อนระเบียบวาระร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. …. ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ
ค้างมาจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ขึ้นมาพิจารณาแทนร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมงยังไม่สามารถเปิดการประชุมได้ เนื่องจากองค์ประชุมยังไม่ครบ ซึ่งสมาชิกรัฐสภาต่างมีข้อถกเถียงในเรื่องของวาระการประชุม
จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส. ) กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ได้ทักท้วงว่า ตามระเบียบวาระนั้นยังคงเป็นการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งยังคงค้างอยู่และมีปัญหาอยู่
พรเพชรกล่าวว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่างกฎหมายฉบับนี้ ทางประธานรัฐสภาดำเนินการแต่ผู้เดียว แต่ต้องรอฟังประธานรัฐสภาชี้แจง ตนก็มาสภาตั้งแต่เด็กๆ ก็เห็นระเบียบวาระยาวๆ แล้วก็ถูกเลื่อนขึ้นมาได้ แต่เมื่อเป็นวาระพิเศษแบบนี้ก็ไม่รู้จะไปยกจากใครที่ไหน จากนั้นได้แจ้งว่าสมาชิกรัฐสภามาเข้าร่วมเป็นองค์ประชุมแล้วจำนวน 358 คน ถือว่าครบองค์ประชุม จึงขอเปิดการประชุมและเข้าสู่ระเบียบวาระต่อไป
จากนั้นจิรายุได้ทักท้วงต่อว่า หากมีเสียงข้างมากในสภา หรือเป็นกฎหมายของรัฐบาล สามารถเลื่อนขึ้นมาได้ตามอำเภอใจใช่หรือไม่ ดังนั้นการประชุมสภาจึงควรมีมาตรฐานที่ชัดเจน
ต่อมา ตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา ได้เสนอว่า การประชุมวันนี้จึงเห็นควรอย่างยิ่งที่จะพิจารณาตามกรอบวาระปกติ ซึ่งก็คือ ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ด้วยเหตุที่ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีปัญหาอย่างมาก และจำเป็นต้องพิจารณาต่อให้จบหรือแก้ไขให้เกิดประโยชน์ ดังนั้นส่วนตัวจึงเสนอญัตติด่วนให้นำร่างกฎหมายที่ค้างอยู่มาพิจารณาตามวาระ
ทั้งนี้ นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส. นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การจัดระเบียบวาระของสภา ประธานในที่ประชุมสามารถจัดระเบียบได้ตามลำดับ และควรพิจารณาให้ละเอียดว่าอะไรเป็นเรื่องที่เร่งด่วน หากเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาก็ต้องมีการหารือก่อนระหว่างวิปวุฒิสภาและวิปสภาผู้แทนราษฎร