ใน THE STANDARD ECONOMIC FORUM หัวข้อ ‘The Future of Tourism ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยแห่งอนาคต’ ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับไมเนอร์เองเรากระจายความเสี่ยงมาตั้งแต่ปี 2008 โดยขณะนี้มีโรงแรม 500 กว่าแห่งกระจายอยู่ในในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา คาบสมุทรอินเดีย ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ ส่วนร้านอาหารมีมากกว่า 2,300 สาขา ใน 26 ประเทศ และธุรกิจไลฟ์สไตล์
“เรามีกำไรตลอดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จนมาเจอกับโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบอย่างมากในปีนี้”
ชัยพัฒน์ระบุว่า ไมเนอร์ได้มองออกเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกเป็นการจัดการปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเรื่อง Financial และ Non-financial ดูสภาพคล่องในองค์กร และจัดการต้นทุน มีการทำ BCP-Business Continuity Plan ตลอดจนการสื่อสารให้กับทั้งคนภายในและภายนอกองค์กรทราบว่า ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร
เฟสที่ 2 เตรียมพร้อมการฟื้นตัวของดีมานด์ โรงแรม ร้านอาหาร ประเมินออกมาเป็น Scenario Analysis เพื่อวางแผนสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าดีหรือแย่ ก็ต้องมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน
เฟส 3 Business Beyond COVID-19 Project เพื่อดูเทรนด์ว่าหลังโควิด-19 จบไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง โดยเฉพาะพฤติกรรมของผู้บริโภค และเปลี่ยน Business Model เพื่อรับมือในระยะยาว
ชัยพัฒน์อธิบายว่า จริงๆ แล้วสำหรับไมเนอร์สิ่งที่ทำก่อนโควิด-19 มาได้ 2 ปีคือการทรานส์ฟอร์เมชัน ปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยี และการแข่งขัน การเกิดขึ้นของโควิด-19 แม้จะมีผลเสีย แต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้ไมเนอร์ต้องปรับสิ่งที่วางไว้เร็วมากกว่าเดิม
สำหรับในระยะยาวสิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘ความน่าเชื่อถือของแบรนด์’ ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า อีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องดิจิทัล การนำ Personalization มาใช้ ทำอย่างไรให้ประสบการณ์ของผู้บริโภคแต่ละคนแตกต่างกัน จุดนี้จะทำให้เราแตกต่างและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง
“เราอยากให้ทุกคนคิดข้ามช็อตไปจากวันนี้ไกลๆ ลองจินตนาการว่าเทรนด์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร ลูกค้าจะเปลี่ยนอะไร ใช้อะไร เช่น ผู้บริโภคจะทำทุกอย่างบนมือถือมากขึ้น สิ่งเหล่านี้เราต้องเตรียมการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะโมเดลธุรกิจ จัดลำดับว่าอะไรก่อนและหลัง ต้องรู้ว่าจุดแข็งของตัวเองคืออะไร”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์