ผมอ่านจดหมายบอกรักและบอกลาจากแฟนบอลสาวคนหนึ่งถึงทีมฟุตบอลที่หนึ่งในดวงใจของเธอด้วยหัวใจที่รวดร้าว และอยากนำมาถ่ายทอดต่อ
“ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ที่บ้าน หลังจากที่เจ้านายพาฉันมาส่งจากที่ทำงาน โดยที่ฉันร้องไห้มาตลอดทาง
“ฉันร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆ ที่โต๊ะทำงานของฉัน หลังจากที่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของบิวรีฟุตบอลคลับ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่ฉันรักได้ดับลงไป เมื่อผู้ที่มีโอกาสจะเป็นผู้ซื้อสโมสรอย่างซีแอนด์เอ็น สปอร์ติง ริสก์ ไม่ปรากฏตัว ราวกับว่าเครื่องช่วยชีวิตของสโมสรของฉันได้ถูกปิดสวิตช์
“สิ่งนี้เป็นยิ่งกว่าแค่เกมกีฬาสำหรับคนอย่างฉัน มันคือตัวตนของเรา มันคือสิ่งที่เราทำ
“สำหรับเราแล้วสโมสรแห่งนี้มันคือครอบครัว และการที่พรากมันไปจากพวกเรานั้นได้ทำให้หัวใจของเราแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
“แต่อย่างน้อยที่สุดเราสามารถเก็บความทรงจำของสโมสรแห่งประวัติศาสตร์แห่งนี้เอาไว้ โดยไม่มีใครจะสามารถพรากมันไปจากเราได้
“การที่ได้สนับสนุนสโมสรท้องถิ่นของเราด้วยเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ มันยิ่งทำให้เราชื่นชมกับช่วงเวลาดีๆ มากยิ่งกว่าเดิม
“การเป็นแฟนฟุตบอลทีมในลีกล่างเป็นสิ่งที่พิเศษ คุณสามารถจะพูดคุยกับผู้จัดการทีมของคุณในตอนที่เขาเดินออกจากสนาม สามารถเซลฟีไวๆ กับนักฟุตบอลคนโปรด หรือเดินทัวร์สนามในช่วงก่อนเกม
“เรามีความสุขดีที่ได้เป็น ‘ลิตเติลบิวรี’ เหมือนที่เราเป็นแบบนี้เสมอมา เรามีความสุขกับการเป็นทีมรองบ่อน และเราแค่อยากจะได้เห็นทีมของเราลงสนามในวันเสาร์
“เดวิด สไควร์ นักวาดการ์ตูนใน The Guardian สรุปเรื่องราวทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบในผลงานของเขาวันนี้ ‘ถ้าพีระมิดของเกมฟุตบอลถูกเผา ต่อให้คนที่อยู่ข้างบนสุดก็ย่อมสำลักควันไปด้วย’
“ใครจะเป็นรายต่อไป แล้วเมื่อไรเรื่องนี้จะจบเสียที”
จดหมายจากสาวก The Shakers ตัวยงอย่าง ฮันนาห์ โมนาแกน ฉบับนี้เป็นหนึ่งในมวลความเศร้าอันประเมินค่าไม่ได้ที่ปกคลุมวงการฟุตบอลอังกฤษอยู่ในเวลานี้ครับ โดยนอกจากจดหมายฉบับนี้แล้ว เรายังได้เห็นเรื่องราวที่น่าเศร้าอีกมากมายหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นภาพชุดของสนามกิกก์เลนที่ถูกปิดตาย
แววตาของแฟนบอลที่หัวใจสลาย แววตาของคนที่ไม่อยากเชื่อว่าต่อจากนี้จะไม่มีสโมสรฟุตบอลเล็กๆ ที่พวกเขารักอีกแล้ว
รวมถึงคุณตาวัย 78 ปีที่เชียร์บิวรีเพียงทีมเดียวมาตั้งแต่อายุ 8 ปี และด้วยความที่เล่นอินเทอร์เน็ตไม่เป็น ทุกวันจึงทำได้เพียงเดินจากบ้านมาเพื่อฟังข่าวคราวที่หน้าสนามว่าจะมีใครสักคนมาช่วยสโมสรของพวกเขาไหม
จากการถูกลงโทษตัดแต้ม 12 คะแนนตั้งแต่ยังไม่เริ่มฤดูกาล สู่นัดที่ 1 ที่ถูกเลื่อนการแข่งขัน สู่นัดที่ 2, 3, 4 และ 5 และการถูกปรับแพ้ในรายการลีกคัพ
เส้นตายถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถเลื่อนได้อีก สุดท้ายปาฏิหาริย์ไม่มีจริง บิวรีถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกของฟุตบอลลีก (EFL) สิ้นสุดสถานะที่ดำรงมากว่า 125 ปี และไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของพวกเขาจะดำเนินต่อไปในทิศทางไหน
ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะเข้าใจในความรู้สึกของแฟนบอลบิวรี แต่เราอาจจะลองคิดตามดูง่ายๆ ครับ
หากเรานอนหลับไปในคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าตื่นมาไม่มีลิเวอร์พูล ไม่มีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีอาร์เซนอล หรือไม่มีบาร์เซโลนา เรอัล มาดริด
ไม่มีบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่มีชลบุรี เอฟซี
ไม่มีสโมสรที่เราเคยรัก ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่มันคือความทรงจำและความผูกพันชั่วชีวิตของเรา
กว่าจะทำใจยอมรับได้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานสักเท่าไร
ลมหายใจที่สูญหายของเมืองบิวรี
คำถามที่หลายคนสงสัยคือเรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อะไรที่ทำให้สโมสรฟุตบอลที่มีอายุยืนยาวถึง 134 ปีอย่างบิวรี สโมสรที่เคยคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ถึง 2 สมัย และเป็นเจ้าของสถิติชนะด้วยสกอร์ขาดที่สุดเทียบเท่ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 6-0 ต้องตายทั้งเป็นแบบนี้
ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นฤดูกาลที่น่าตื่นเต้นสำหรับพวกเขา หลังจากที่สามารถเลื่อนชั้นจากลีกทู (รายการฟุตบอลในลำดับขั้นที่ 4) กลับมาสู่ลีกวัน (ลำดับขั้นที่ 3) ได้สำเร็จ
เรื่องนั้นเกิดจากการที่บิวรีเป็นสโมสรที่มีปัญหาทางการเงินค่อนข้างรุนแรงมาก พวกเขาอยู่กันอย่างยากลำบากในระดับลีกล่างของอังกฤษ
ย้อนหลังกลับไปในปี 2001-2002 บิวรีประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงจนถึงขั้นถูกเข้าควบคุมกิจการและเกือบจะถูกยุบทีม แต่ในครั้งนั้นแฟนบอลได้รณรงค์เพื่อระดมทุนช่วยเหลือทีมจนสามารถที่จะรอดพ้นจากวิกฤตได้
ผลจากความทุ่มเทด้วยหัวใจ ทำให้ยูฟ่ามอบรางวัล Best Supporter Award หรือรางวัลกองเชียร์ดีเด่นประจำฤดูกาล 2001-02 ให้แก่ กอร์ดอน ซอร์ฟลีท เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านสื่อของสโมสรที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของการรณรงค์
บิวรีมาประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงอีกครั้งในปีที่แล้ว เมื่อ สจ๊วร์ต เดย์ เจ้าของสโมสรไม่สามารถแบกรับภาระไหว เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเขาประสบปัญหาอย่างรุนแรงจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จึงตัดใจขายสโมสรต่อให้กับ สตีฟ เดล นักธุรกิจที่ซื้อต่อกิจการสโมสรในราคาแค่ 1 ปอนด์ เมื่อเดือนธันวาคม 2018
พูดไปแล้วช่างน่าเศร้าที่มูลค่าของบิวรีนั้นน้อยกว่าข้าวแกงในตลาดหรือกาแฟสดหน้าออฟฟิศเสียอีก
สตีฟ เดล เข้ามาพร้อมกับคำหวานและความหวังว่าเขาจะนำพาสโมสรให้รอดพ้นจากวิกฤตด้วยการใช้ความรู้จากการทำธุรกิจของเขา และรักษาบิวรีไว้เพื่อให้อยู่คู่กับแฟนฟุตบอลโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และเพื่อให้ชาวเมืองยังมีงาน มีรายได้จากสโมสรแห่งนี้
แต่มันไม่ได้เป็นไปตามนั้น เมื่อเจ้าของใหม่อย่างเขาพบว่าจำนวนหนี้สินที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่เจ้าของเดิมได้กู้ยืมเงินจากบริษัทที่ชื่อว่า Capital Bridging Finance Solutions หรือ Capital นั้นสูงถึง 3.7 ล้านปอนด์
สโมสรต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 1,500 ปอนด์ทุกวัน เลือดไม่เคยหยุดไหลแม้แต่วันเดียว
สุดท้ายเขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยให้ผู้เล่น เรื่องเกิดแดงขึ้นมาและนำไปสู่การตรวจสอบจากฟุตบอลลีก และเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบในที่สุด
ความจริงแล้วรายละเอียดของการกู้ยืมเงินนี้มีมากและค่อนข้างซับซ้อนครับ เป็นผลจากการบริหารของ สจ๊วร์ต เดย์ ที่นำสโมสรก้าวไปสู่ความตายอย่างแท้จริง
โดยเรื่องที่น่าเศร้ามากกว่านั้นคือการที่ สตีฟ เดล เจ้าของสโมสรบิวรีคนสุดท้ายเองก็ไม่ได้รักในสโมสรแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย
ไม่แม้แต่จะรู้จักด้วยซ้ำว่ามีสโมสรฟุตบอลชื่อนี้อยู่บนโลกใบนี้ – ตามคำสารภาพของเขาที่ให้สัมภาษณ์ในรายการของ talkSPORT
ก็ไม่แปลกอะไรที่เมื่อถึงนาทีชีวิต สตีฟ เดล ก็ไม่ได้พยายามอะไรที่จะช่วยให้สโมสรของชาวเมืองรอดชีวิต
เขาแค่มองดูบิวรีตายอย่างเงียบๆ และไม่ได้แยแสต่อเสียงก่นด่าสาปแช่งจากแฟนฟุตบอลที่หัวใจสลายเพราะสโมสรฟุตบอลที่มีความสำคัญไม่ใช่เพียงต่อเรื่องจิตใจ แต่ยังเป็นศูนย์กลางของชุมชนเมืองต้องตายตรงหน้า
เช่นเดียวกับนักฟุตบอลและเจ้าหน้าที่ของทีมที่ชีวิตแทบหมดทางไปต่อ เพราะไม่ได้รับค่าเหนื่อยและค่าแรงที่ควรจะได้
บทเรียนจากความตายของสโมสรเล็กๆ
ความตายของบิวรี ผมคิดว่ามันไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียวครับ
ในทางตรงกันข้าม มันทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นอย่างมากในโลกฟุตบอล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิวรีสามารถเกิดขึ้นกับสโมสรแห่งใดก็ได้บนโลก
สิ่งสำคัญคือเราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
เครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ที่แฟนฟุตบอลจำนวนมากตั้งไว้ ไม่ใช่มีต่อ สตีฟ เดล หรือสจ๊วร์ต เดย์ (คนที่ความจริงแล้วเป็นคนสร้างปัญหาทั้งหมด) หากแต่เป็นคำถามต่อฟุตบอลลีกว่า ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่ปกป้องค้ำชูลีกลูกหนัง
พวกเขาปล่อยให้เจ้าของสโมสรอย่างสตีฟ เดล – ซึ่งมีประวัติในการบริหารงานที่ล้มเหลว กิจการ 51 แห่งของเขาเจ๊งถึง 43 แห่ง – เข้ามาซื้อกิจการสโมสรอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ถึงเวลาที่จะต้องมีการทบทวนกระบวนการตรวจสอบที่เรียกว่า Fit and Proper Test แล้วหรือยัง
ไม่เช่นนั้นก็มีโอกาสที่จะมีเจ้าของสโมสรเหมือนสตีฟ เดล (และสจ๊วร์ต เดย์) คนต่อไปเรื่อยๆ อีก
ประเด็นสืบเนื่องต่อมาคือปัญหาของสโมสรฟุตบอลในระดับล่างซึ่งเป็นฐานของระบบ พวกเขาอยู่กันอย่างยากลำบาก สโมสรจำนวนมากประสบปัญหาทางการเงิน และมีโอกาสที่เราจะได้เห็นสโมสรที่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับบิวรี
โบลตัน วันเดอเรอร์ส เป็นอีกทีมที่มีข่าวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่รอดตัวที่มีคนมาซื้อกิจการทีมฟุตบอลเก่าแก่ที่โด่งดังทีมนี้ได้ทันเวลา แต่คำถามที่ยังอยู่คือเจ้าของใหม่จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากวิกฤตได้จริงไหม ในอนาคตจะเกิดปัญหาแบบเดิมอีกหรือเปล่า
จริงอยู่ที่สโมสรฟุตบอลควรจะอยู่ได้ด้วยลมหายใจของตัวเอง แต่ในวันเวลาที่ยากลำบาก บางครั้งพวกเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกบ้าง
มันน่าเศร้าที่ในขณะเดียวกับที่สโมสรในพรีเมียร์ลีกมีรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในระดับร้อยล้านปอนด์ แต่สโมสรในลีกล่างๆ ต้องกัดก้อนเกลือกิน มีหลายสโมสร (เช่น บิวรี) ที่กู้ยืมเงินมาเพื่อต่อลมหายใจ
ถึงจะมีการแบ่งสัดส่วนเงินจากพรีเมียร์ลีกมาบ้าง แต่เป็นไปได้ไหมที่จะมีการแบ่งให้มากกว่านี้ พร้อมกับการลงมาช่วยเหลือหาวิธีให้สโมสรทุกแห่งสามารถอยู่รอดได้อย่างมั่นคง
นี่ขนาดเป็นสโมสรฟุตบอลในอังกฤษที่มีวัฒนธรรมลูกหนังที่เข้มแข็งและยาวนานนับร้อยปีนะครับ ผมคิดย้อนกลับมาถึงบ้านเราเองก็มีสัญญาณอันตรายของความตกต่ำที่น่ากลัว
เราได้ยินเรื่องของสโมสรที่ไม่ยอมจ่ายเงินให้แก่นักฟุตบอล ถูกยุบทีมไปก็มี
เราได้เห็นการย้ายถิ่นฐานของทีมฟุตบอลแบบชนิดไม่สนความรู้สึกของแฟนบอลที่ติดตามเชียร์มาด้วยใจ (เช่น ล่าสุดกับกรณีของลำปาง เอฟซี ที่ขอย้ายไปสงขลา…)
และอื่นๆ อีกมากมาย
ความตายของบิวรีแม้จะเป็นเรื่องห่างไกล แต่ก็ใกล้ตัว ได้แต่หวังว่าโลกฟุตบอลจะเรียนรู้จากความสูญเสียในครั้งนี้
เพื่อไม่ให้ความตายของสโมสรเล็กๆ แห่งนี้สูญเปล่า
และหวังว่าจะมีดอกไม้บานขึ้นที่กลางสุสานของพวกเขาในไม่ช้านี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- ยังไม่มีใครรู้อนาคตของบิวรีว่าจะดำเนินต่อไปอย่างไรหลังจากนี้ ทั้งกับนักฟุตบอลที่เหลืออยู่แค่ไม่กี่คน เจ้าหน้าที่ รวมถึงสนามกิกก์เลน
- EFL ระบุว่าบิวรีสามารถลงทะเบียนกับสมาคมฟุตบอลและเข้าร่วมการแข่งขันลีกได้ใหม่ในฤดูกาล 2020-21 แต่จะต้องเริ่มจากระดับนอกลีกก่อน
- ก่อนหน้าบิวรี มีสโมสรที่ถูกยกเลิกสถานะสมาชิกฟุตบอลลีกคือเมดสโตนในปี 1992
- การแข่งขันฟุตบอลลีกวันจะเหลือแค่ 23 ทีมในฤดูกาลนี้ และจะลดทีมตกชั้นเหลือแค่ 3 ทีมเท่านั้น
- เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีอาสาสมัครจำนวนกว่า 300 คนที่มาช่วยทำความสะอาดสนามกิกก์เลน ด้วยหวังว่าทีมจะลงแข่งในวันเสาร์กับดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส
- จิลล์ เนวิลล์ แม่ของฟิล เนวิลล์ ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษหญิง เป็นเลขาฯ ของสโมสร และเพิ่งจะลาออกจากสโมสรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
- ล่าสุดมีความพยายามจะคืนชีพบิวรีด้วยการขอให้ EFL พิจารณาข้อเสนอจากกลุ่มทุนใหม่ที่พร้อมจะซื้อบิวรีในราคา 7 ล้านปอนด์ แต่เชื่อว่าการกลับคำตัดสินของ EFL เป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้