×

ตลาดหุ้นปั่นป่วนเมื่อทรัมป์ขึ้นภาษี แต่ปู่บัฟเฟตต์เตือน ‘รักษาสติ’ และยึดมั่นลงทุนระยะยาว มองหุ้นตกเหมือน ‘ลดราคา’ ครั้งใหญ่

07.04.2025
  • LOADING...
วอร์เรน บัฟเฟตต์ แนะนำให้นักลงทุนรักษาสติเมื่อตลาดหุ้นผันผวนจากนโยบายภาษีของทรัมป์

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรุดตัวอย่างรุนแรงในวันพฤหัสบดี (3 เมษายน) หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 10% กับทุกประเทศคู่ค้า พร้อมเพิ่มอัตราภาษีสูงขึ้นเป็นพิเศษสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า 

 

ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ซึ่งสะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงกว่า 11% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เข้าสู่ภาวะ Correction Territory หรือการปรับฐานที่หุ้นลดลงมากกว่า 10% จากจุดสูงสุด

 

วงการการเงินและเศรษฐกิจต่างหวั่นวิตกว่านโยบายภาษีของทรัมป์อาจจุดชนวนสงครามการค้าและผลักดันเงินเฟ้อให้พุ่งสูงขึ้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้อาจฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เข้าสู่ภาวะชะลอตัว และหากเศรษฐกิจเริ่มถดถอย ตลาดหุ้นก็มีแนวโน้มจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

 

ท่ามกลางความปั่นป่วนนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานบริษัท Berkshire Hathaway และตำนานนักลงทุนระดับโลก แนะนำให้รักษาความเยือกเย็นในช่วงตลาดผันผวน โดยเขาเคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 2017 ว่า “ไม่มีใครบอกได้ว่าราคาหุ้นจะดิ่งลงไกลแค่ไหนในระยะเวลาสั้นๆ” แต่หากเกิดวิกฤตรุนแรง เขาอ้างถึงบทกวี ‘If’ ของ รัดยาร์ด คิปลิง ที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1895

 

“หากคุณรักษาสติได้ในยามที่ทุกคนรอบข้างกำลังสูญเสียสติ หากคุณรอได้โดยไม่เหนื่อยกับการรอคอย หากคุณมั่นใจในตัวเองเมื่อทุกคนกำลังสงสัย โลกและทุกสิ่งในโลกนี้จะเป็นของคุณ”

 

การรักษาความนิ่งช่วงตลาดร่วงถือเป็นเรื่องสำคัญ บัฟเฟตต์กำลังพูดถึงภาวะวิกฤตใหญ่อย่างตลาดหมีช่วงปี 2007-2009 ที่ S&P 500 ร่วงลงกว่า 50% ซึ่งพบเจอได้ยากกว่าสถานการณ์ปัจจุบันมาก จริงๆ แล้ว การปรับฐานของตลาดหุ้นเป็นเรื่องปกติ

 

ข้อมูลจาก Baird Private Wealth Management ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 1980 ดัชนี S&P 500 มีการปรับฐานลงเกิน 10% ถึง 21 ครั้ง และโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปี ตลาดหุ้นจะมีช่วงที่ร่วงลงประมาณ 14%

 

“ไม่มีใครบอกได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร” บัฟเฟตต์เขียนในปี 2017 “สัญญาณไฟอาจเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดงได้ทุกเมื่อโดยไม่มีสีเหลืองให้เตรียมตัว”

 

แต่ไม่ว่าการร่วงจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ หรือยาวนานและเจ็บปวด คำแนะนำสำหรับนักลงทุนรายย่อยยังคงเดิม ยึดมั่นในแผนระยะยาวและลงทุนอย่างต่อเนื่อง บัฟเฟตต์มองภาวะตลาดขาลงว่าเป็น ‘โอกาสทอง’ เพราะประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ตลาดมักจะกลับมาฟื้นตัวในที่สุด

 

ข้อมูลจาก Hartford Funds แสดงให้เห็นว่า หากนับตั้งแต่ปี 1928 ตลาดหมีหรือช่วงที่หุ้นร่วงลงกว่า 20% จากจุดสูงสุดมักใช้เวลาไม่ถึง 10 เดือนก็จะฟื้นตัว ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาสั้นมากเมื่อเทียบกับแผนการลงทุนที่มักวางไว้เป็นสิบๆ ปี

 

แม้การผ่านช่วงตลาดร่วงอาจทำให้ใจหายใจคว่ำ แต่อย่าลืมเป้าหมายระยะยาว การลงทุนสม่ำเสมอในช่วงตลาดขาลงเปรียบเสมือนการช้อปปิ้งช่วงลดราคาครั้งใหญ่ ตราบใดที่คุณลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงที่ดี ยิ่งราคาหุ้นลดลงมากเท่าไร โอกาสของคุณก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

อย่างที่คิปลิงกล่าวไว้ ให้รักษาสติ มองข้ามพาดหัวข่าวที่ชวนตื่นตระหนก และทำตามแผนของคุณต่อไป คุณอาจไม่ได้ครองโลกและทุกสิ่งในโลกนี้ แต่คุณมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งระยะยาวได้อย่างดี

 

ทัศนคตินี้สะท้อนอีกประโยคคมๆ ของบัฟเฟตต์จากจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 2009 เกี่ยวกับการคว้าโอกาสการลงทุน “โอกาสใหญ่ๆ มาไม่บ่อย เมื่อฝนตกเป็นทองคำ จงคว้าถังมารอง อย่าใช้แค่ปลอกนิ้ว” 

 

ประโยคนี้ต้องการสื่อถึงความแตกต่างระหว่างภาชนะขนาดใหญ่ (ถัง) ที่เก็บได้มาก กับภาชนะขนาดจิ๋ว (ปลอกนิ้วที่ใช้สวมนิ้วตอนเย็บผ้าเพื่อป้องกันนิ้วถูกเข็มแทง) ที่แทบไม่สามารถเก็บอะไรได้เลย เพื่อเปรียบเทียบว่าเมื่อมีโอกาสดีๆ ควรคว้าไว้อย่างเต็มที่

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising