ดูเหมือนว่าคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนวัย 92 ปี จะอ่านเกมได้อย่างเฉียบขาดอีกแล้ว หลังกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นที่ Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนของเขาเพิ่งจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ต่างพากันทยอยรายงานผลกำไรออกมาสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงและการฟื้นตัวที่ล่าช้าของจีนก็ตาม
ย้อนกลับไปในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Berkshire Hathaway ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเทรดดิ้งรายใหญ่ของญี่ปุ่น 5 แห่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อกลุ่ม ‘โซโก โชชา’ ประกอบด้วย Mitsubishi Corporation, MITSUI & CO., LTD., ITOCHU Corporation, Marubeni Corporation และ Sumitomo Corporation ขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 8.5% ในทุกบริษัท
กลุ่ม ‘โซโก โชชา’ เป็นกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยทั้ง 5 แห่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าต่างๆ รวมถึงพลังงาน โลหะ อาหาร สิ่งทอ และให้บริการแก่บริษัทผู้ผลิตในญี่ปุ่น รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
บัฟเฟตต์ตัดสินใจเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านี้เป็นครั้งแรกในปี 2020 ก่อนจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอย่างต่อเนื่องจน ณ สิ้นปีที่ผ่านมา Berkshire Hathaway มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ราว 7.4% ใน ITOCHU Corporation, 6.6% ใน Mitsubishi Corporation และ MITSUI & CO., LTD., 6.2% ใน Sumitomo Corporation และ 6.8% ใน Marubeni Corporation ก่อนที่ล่าสุดจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนอีกครั้งเมื่อ 2 เดือนก่อน
ข้อมูลจาก Nikkei ระบุว่า Mitsubishi Corporation, MITSUI & CO., LTD. และ Sumitomo Corporation สามารถทำกำไรในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณญี่ปุ่นได้สูงกว่าคาด และอาจเพิ่มการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ขณะที่ Marubeni Corporation และ ITOCHU Corporation จะมีการประกาศผลการดำเนินงานในวันนี้ (4 สิงหาคม) ซึ่งคาดว่าจะมีผลกำไรที่ดีเช่นกัน
Yuzo Nouchi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Mitsubishi Corporation เปิดเผยว่า ราคาถ่านหินที่ตกต่ำและการฟื้นตัวที่ล่าช้าของจีนเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ อย่างไรก็ดี ในหมวดอุตสาหกรรมผู้บริโภค ซึ่งมีร้านสะดวกซื้อ Lawson และธุรกิจอื่นๆ รวมอยู่ในนั้นสามารถทำกำไรได้สูงเป็นสถิติ
Akira Morimoto นักวิเคราะห์จาก SMBC Nikko Securities ประเมินว่า ผลการดำเนินงานที่มีความแข็งแกร่งในไตรมาสแรกของกลุ่มโซโก โชชา ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทเหล่านี้ในช่วงครึ่งปีแรกจะสูงขึ้นตามไปด้วย
อ้างอิง:
