วันนี้ (19 สิงหาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วาระที่ 2 มาตรา 12 งบประมาณกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) วรรณวิภา ไม้สน ส.ส. บัญชีรายชื่อ สัดส่วนแรงงานพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 อภิปรายว่า แม้ภาพรวมงบของกระทรวงจะได้เพิ่มร้อยละ 10 แต่จากสถานการณ์โควิด ซึ่งมีแนวโน้มการตกงานและภาวะยากจนเพิ่มขึ้น สวนทางกับการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง แนวทางการจัดงบประมาณที่ควรเป็นคือการมุ่งส่งเสริมสวัสดิการให้ประชาชนและลดงบไม่จำเป็นลง แต่ในการจัดงบประมาณของกระทรวงพบว่า เงินอุดหนุนในด้านนี้หลายโครงการไม่เพิ่มขึ้นและยังถูกตัดลงอีกในบางส่วน เช่น เงินอุดหนุน กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมพัฒนาบทบาทสตรี และกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ขณะที่งบที่ควรตัดอย่างงบประชุมกลับยังอยู่
“งบที่ควรเพิ่มถูกตัด แต่งบที่ควรตัดยังอยู่ เช่น งบประชุมยังมากและยังตัดได้อีก แม้ว่าจะลดมาบ้างแล้วจากการปรับลดของสำนักงบประมาณ แต่ก็ยังสูงอยู่ งบดำเนินการและเบี้ยประชุมเหล่านี้รวมกันแล้วสูงถึง 65 ล้านบาท มากกว่าหรือเท่ากับเงินอุดหนุนสงเคราะห์และฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ เงินสงเคราะห์ครอบครัว และเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุรวมกันเสียอีก”
วรรณวิภาชี้ต่อไปว่า สาเหตุที่งบประชุมยังเหลือมาก เนื่องจากกระทรวงมีโครงสร้างคณะกรรมการมากมาย ยกตัวอย่างเฉพาะกรมเดียว เช่น กรมกิจการเด็กและเยาวชน มีคณะกรรมการและอนุฯ ต่างๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคมากกว่า 50 คณะ และพอจัดจัดกิจกรรมอะไรทีก็ตั้งคณะกรรมการอีกหลายชุด ซึ่งความจริงส่วนใหญ่คณะกรรมการก็คือข้าราชการที่มีเงินเดือนอยู่แล้ว แต่ก็ต้องตั้งเบี้ยประชุมขึ้นอีก ในภาพรวมจึงก่อปัญหาทั้งด้านงบประมาณและประสิทธิภาพ อย่างกรมเดียวพบว่ามีการประชุมมากถึง 500 ครั้ง เกิดเครือข่ายการประชุมเยอะแยะมากมายจนคิดว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ไม่ใช่การทำงานของหน่วยงานรัฐ
นอกจากนี้ วรรณวิภากล่าวอีกว่า การปรับลดงบประมาณยังทำได้อีกจากงบการจัดงานกิจกรรมและพิธีการต่างๆ ที่มีทั้งค่าเช่าสถานที่ จัดซุ้มดอกไม้ ทำนิทรรศการ อย่างเฉพาะงบพิธีการอย่างเดียวในสหกรณ์หมู่บ้าน 2 แห่ง คือ ป่าเต็งและป่าละอู ก็ 2 ล้านบาทแล้ว หากเทียบกับความจำเป็นในปัจจุบันและภาพรวมงบอุดหนุนคนยากจนที่ถูกปรับลดถึงร้อยละ 30 งบเหล่านี้ก็ควรถูกตัดออก
“ยังมีงบดำเนินงานซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่นอีก เช่น งบส่งเสริมการทำเกษตร งบส่งเสริมท่องเที่ยว งบการศึกษา โดยมีการตั้งงบอบรมสัมนากว่า 11 ล้านบาท อย่างโรงเรียนเพียงหลวง ตั้งงบเรียนรู้ไว้กว่า 4 ล้านบาท ถามว่าทำอะไรบ้าง พอไปดูจากงานเดิมที่ทำปีก่อนหน้าพบว่า ทำเรื่องอบรมมารยาท จิตอาสา จัดค่ายคุณธรรม ที่ไม่ต่างจากงานของกระทรวงศึกษาธิการเลย งานเหล่านี้เกี่ยวอะไรกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และจะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้อย่างไร หรืออีกโครงการ เช่น การอบรมการท่องเที่ยวบนที่สูงและทำบูธท่องเที่ยว นี่ไปซ้ำซ้อนกับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยิ่งปีนี้การท่องเที่ยวหดตัวลง ถามว่ากรมคาดหวังผลลัพธ์อะไรจากโรงการเช่นนี้ และควรปรับลดหรือไม่ งานตัวเองที่ต้องทำยังไม่มีประสิทธิภาพ ยังมีหน้าไปช่วยโครงการอื่นอีก ดังนั้น จึงยืนยันว่างบประมาณควรตัดลงได้อีกร้อยละ 5” วรรณวิภาระบุ