การพิจารณางบประมาณปี 2565 วาระที่ 2 จวนจะสิ้นสุดลง ในขณะที่การลงมตินำงบประมาณที่ปรับลดจากอนุกรรมาธิการ จำนวน 16,362 ล้านบาท ไปเพิ่มเติมในส่วนของงบกลางในกรรมาธิการงบประมาณปี 2564 ได้จุดให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดทั้งในฝั่งของพรรคฝ่ายค้านและประชาชน
ภายหลังการเปิด Clubhouse ของพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ในชื่อ ‘ตอบทุกประเด็น เหตุก้าวไกลค้าน #เตะหมูเข้าปากประยุทธ์’ เปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในคณะกรรมาธิการงบประมาณ ปี 2565 เมื่อช่วงค่ำของวานนี้ (3 สิงหาคม) โดยมีช่อ พรรณิการ์ คณะก้าวหน้า และ ส.ส. ก้าวไกลอีกหลายคนเข้าร่วม เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล และ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล จุดประเด็นเรื่องงบกลางขึ้นกลางสื่อสังคมออนไลน์
ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกันได้มีการเปิด Clubhouse อีกห้องในชื่อ ‘วิวาทะ “งบกลาง” ชนวนเหตุ “เพื่อไืทย-ก้าวไกล” ขัดแย้ง?!!!’ โดยมีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยอย่าง ส.ส. ชลน่าน ศรีแก้ว และ ส.ส. ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร โต้ตอบบนเวทีเดียวกันกับ ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะก้าวหน้า และ ส.ส. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล
เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความร้อนระอุไปทั่วพื้นที่ออนไลน์ และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนจำนวนมากถึงการไม่ลงรอยของพรรคฝ่ายค้านในครั้งนี้
งบกลางมีความสำคัญอย่างไร? ทำไมศึกการปะทะคารมระหว่างสองพรรคถึงสำคัญ? THE STANDARD ได้สรุปประเด็นศึกงบกลางระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเอาไว้ดังนี้
งบกลางสำคัญอย่างไร
- งบกลางเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณรายจ่ายแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชน ที่รัฐบาลสามารถนำไปใช้จ่ายในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยมีส่วนหนึ่งเป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับช่วยเหลือ แก้ไข บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เพื่อให้รัฐบาลมีความคล่องตัวในการบริหารงบในภาวะเร่งด่วน จึงไม่มีการกำหนดรายละเอียด ตัวชี้วัด และแผนการใช้เงินอย่างชัดเจน ทำให้การติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบกลางนั้นทำได้ยาก โดยอำนาจในการอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณส่วนนี้อยู่ที่คณะรัฐมนตรี ไม่ต้องผ่านการกลั่นกลองจากฝ่ายนิติบัญญัติ หรือรัฐสภา ต่างจากการใช้ง่ายงบประมาณของกระทรวงต่างๆ ที่ต้องกำหนดแผนการใช้เงินอย่างชัดเจน
- งบประมาณปี 2565 ที่กำลังอยู่ในวาระ 2 ของการพิจารณาผ่านรัฐสภา มีการตั้งงบกลางไว้ที่ 571,047 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 11 ประเภท เช่น เงินเบี้ยหวัด เงินสำรองของข้าราชการ ค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และประเภทที่เป็นประเด็นสำคัญคือเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 89,000 ล้านบาท
พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับมติพลังประชารัฐผ่าน กมธ. งบประมาณ เพิ่มงบกลาง 16,362 ล้านบาท
- วันที่ 2 สิงหาคม 2564 ในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของคณะกรรมาธิการงบประมาณ ที่ประชุมมีมติให้นำงบประมาณที่ปรับลดจากอนุกรรมาธิการ จำนวน 16,362 ล้านบาท ไปเพิ่มเติมในส่วนของงบกลางที่ดูแลบริหารโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เสนอโดย บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้เหตุผลว่าเพื่อนำไปแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด
- ผลการลงมติ เห็นด้วย 35 ต่อ 7 และงดออกเสียง 3 โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยได้แก่ ส.ส. พรรคก้าวไกลจำนวน 6 คน และอีก 1 เสียงจาก ส.ส. พรรคประชาชาติ ในขณะที่กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับมติที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ
ส.ส. พรรคก้าวไกลเปิดประเด็นไม่เห็นด้วยกับมติงบกลาง
- “คำว่า ‘งบกลาง’ ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่ายที่สุด คือ งบประมาณส่วนที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ บางท่านจึงเปรียบว่าเป็น ‘เช็คเปล่า’ ของนายกรัฐมนตรี” ส.ส. วาโย อัศวรุ่งเรือง พรรคก้าวไกล หนึ่งในกรรมาธิการงบประมาณปี 2565 กล่าว
- วาโยระบุว่า การบริหารจัดการงบประมาณ ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรียังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร สถานการณ์หลายอย่างสะท้อนถึงความล้มเหลวของการบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่ไว้วางใจให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการงบกลางนี้ และเห็นว่าควรคืนงบประมาณ 16,000 ล้านบาทเศษกลับไปยังหน่วยงานที่จะนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์โควิดโดยตรง เช่น กองทุน สปสช. หรือบัตรทอง ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณลดลงจากปีที่แล้วถึง 2,000 ล้านบาท รวมถึงกองทุนประกันสังคมสำหรับชดเชยการขาดรายได้จากมาตรการควบคุมต่างๆ ของรัฐแก่ผู้ประกันตนในช่วงโควิด จนไปถึงกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จากการที่การศึกษาของเยาวชนถูกปล่อยปละละเลยจนเกิดความเหลื่อมล้ำในช่วงนี้
- ส.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นว่า การเพิ่มงบเข้างบกลางโดยบอกว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิดนั้นฟังเหมือนดูดี แต่ความจริงแล้วเมื่อเข้าไปอยู่ในมือของ พล.อ. ประยุทธ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้กับเรื่องอะไร ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ และจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิดจริงหรือไม่ เราอาจไม่ทราบได้
- “ในขณะที่ท้องถิ่นขาดรายได้ขนาดที่จะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็ตั้งไว้ไม่พอจ่าย เราคิดว่าการคืนงบให้กับหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง มีแผนการใช้จ่าย และมี ‘ใบเสร็จ’ จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าการโอนงบเข้าสู่งบกลาง ตีเช็คเปล่าให้ พล.อ. ประยุทธ์บริหาร”
- ด้าน ส.ส. วรรณวิภา ไม้สน พรรคก้าวไกล เพิ่มเติมว่า พรรคฝ่ายค้านมีการอภิปรายกันมาตลอดว่ารัฐบาลบริหารเงินไม่เป็น ไม่ตรงจุด แต่กลับรับมติเอาเงินไปให้งบกลางที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลบริหาร ในขณะที่สวัสดิการประชาชนโดนตัดมาร่วม 35,000 ล้านบาท กลายเป็นว่าสวัสดิการประชาชนก็ต้องไปลุ้นชิงโชคเอาอีกเหมือนเดิม
Clubhouse เดือด ปะทะคารม 2 พรรคฝ่ายค้าน
- วันที่ 2 สิงหาคม พรรคก้าวหน้าและคณะก้าวไกลได้เปิดห้อง Clubhouse ‘ธนาธรXพิธา และ ส.ส. ก้าวไกล ตีแผ่งบ 65 ภาษีประชาชนไปไหนหมด!’ พูดคุยเรื่องกรรมาธิการงบประมาณปี 2565 และการพิจารณามติงบกลางที่เกิดขึ้น
- “ส.ส. ในกรรมาธิการงบ ก่อนลงมติ เขาไปจับกลุ่มคุยกันหลังห้อง ไอ้พรรคเรา ไม่มีใครเรียกไปคุย พอเขาคุยกันเสร็จ กลับมาโหวต ก็โหวตเอางบที่ตัดได้ไปให้งบกลางหมด” วาโยกล่าวใน Clubhouse ดังกล่าว
- ช่วงค่ำของวานนี้ (3 สิงหาคม) พรรคก้าวหน้าและคณะก้าวไกลได้เปิดห้อง Clubhouse เพื่อเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในคณะกรรมาธิการงบประมาณ ปี 2565 โดยมีช่อ พรรณิการ์ คณะก้าวหน้า และ ส.ส. ก้าวไกลอีกหลายคนเข้าร่วม เช่น ศิริกัญญา ตันสกุล, วาโย อัศวรุ่งเรือง และ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล
- ต่อมาในวันเดียวกันได้มีการเปิด Clubhouse อีกห้องในชื่อ ‘วิวาทะ “งบกลาง” ชนวนเหตุ “เพื่อไืทย-ก้าวไกล” ขัดแย้ง?!!!’ โดยมีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยอย่าง ส.ส. ชลน่าน ศรีแก้ว และ ส.ส. ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร โต้ตอบบนเวทีเดียวกันกับ ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะก้าวหน้า และ ส.ส. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล
- ส.ส. ชลน่าน พรรคเพื่อไทย ชี้แจงความจากฝั่งของพรรคว่า เพื่อไทยเห็นด้วยกับการให้งบที่ตัดลดจากหน่วยอื่นๆ ไปอยู่ที่งบกลาง เนื่องจากมีการระบุชัดเจนว่าใช้เพื่อกรณีฉุกเฉินสำหรับโควิด ในขณะที่ส่วนอื่นไม่ได้ระบุงบ งบ 16,000 ล้านบาทนั้น ต้องผ่านเสียงข้างมากของสภาอีกที มั่นใจว่าตรวจสอบและตามเรื่องได้ ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ไม่ได้ใช้ตามอำเภอใจอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการโยกมาให้พรรคตนเอง
- พร้อมกับทิ้งทายประโยคสำคัญ “ตัวผมเองก็ไม่อยากให้ประยุทธ์ใช้งบนี้หรอกครับ แต่หลังตุลาคมนี้อาจจะเป็นคนอื่นมาใช้ แล้วมีเครื่องไม้เครื่องมือที่พร้อมใช้งาน”
- ในด้าน ส.ส. ยุทธพงศ์ พรรคเพื่อไทย ได้มีการประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. หากมีใครสามารถหาหลักฐานได้ว่างบกลางนี้ไม่ได้เอาไปช่วยเหลือสถานการณ์โควิด แต่นำไปซื้อกระสุนยางและแก๊สน้ำตา
เชื่อพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเข้าใจกัน
- เช้าของวันนี้ (4 สิงหาคม) สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และ ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นการลงมติเพิ่มงบกลางว่า เพื่อไทยไม่ได้มีจุดยืนที่จะเห็นดีเห็นงามกับรัฐบาลทุกเรื่อง เพิ่งมีเรื่องเดียวที่ตรงกันคืองบกลาง ทั้งนี้ มีมุมมองที่เห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกลคือนำงบกลางไปใช้เพื่อผลประโยชน์การช่วยเหลือประชาชน เพียงแค่เห็นต่างเรื่องแปรงบประมาณ 16,000 ล้านบาท พร้อมขอความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลจะเข้าใจกัน โดยเฉพาะในภารกิจอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อจากนี้
ส.ส. ยุทธพงศ์ พร้อมลาออก-เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต หากพบนำงบกลางไปใช้ผิดระเบียบ
- เวลา 14.00 น. ของวันนี้ (4 สิงหาคม) พรรคเพื่อไทยได้แถลงข่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการงบประมาณในส่วนพรรคเพื่อไทยตัดสินใจโหวตโยกงบประมาณที่ถูกปรับลงไปไว้ในงบกลาง 16,300 ล้านบาท โดยยุทธพงศ์แจงว่า ในงบกลางปี 2564 ได้รับประมาณ 614,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ปัญหาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดจำนวน 40,300 ล้านบาท แต่ในปี 2565 มีงบกลางประมาณ 571,000 ล้านบาท แต่กลับไม่มีงบนำไปบรรเทาปัญหาโควิดเลย ทำให้กรรมาธิการงบประมาณฝั่งพรรคเพื่อไทยมีมติโหวตเป็นเอกฉันท์ มั่นใจว่าไม่ใช่การตีเช็คเปล่า เพราะทุกอย่างมีระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิดที่ออกโดยสำนักงบประมาณมากำกับไว้ ซึ่งระบุวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายไว้อย่างชัดเจน โดยทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอน ถ้าพบการทุจริตต้องรับผิดชอบ
- พร้อมกล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่มี ส.ส. พรรคก้าวไกลออกมาตอบโต้ตนนั้นว่า ตนก็ไม่อยากตอบโต้กลับ เพราะแต่ละพรรคและแต่ละคนมีสิทธิ์คิดและตัดสินใจ ในการตัดปรับลดงบประมาณปี 2565 นั้น จะเห็นได้ว่าทางพรรคเพื่อไทยได้ขอให้ตัดงบประมาณตั้งแต่กรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำแล้ว แต่การแปรญัตติพรรคก้าวไกลไม่เห็นมีการแปรญัตติไปช่วยโควิดเลย การโหวตของกรรมาธิการงบประมาณฝั่งพรรคเพื่อไทยที่ไปตรงกับพรรคร่วมรัฐบาล คงเป็นเพราะ ส.ส. ทุกคนเห็นว่าขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนกับโควิดจริงๆ
- และขอย้ำว่าถ้ามีการนำงบประมาณในส่วนของงบกลางไปใช้ผิดระเบียบ ไม่ได้ใช้เกี่ยวกับโควิด ถ้ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ตนก็พร้อมลาออกจาก ส.ส. และเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
- https://library.parliament.go.th/th/radioscript-rr2564-jan1
- https://thestandard.co/budget-committee-to-shift-budget-to-the-central/
- https://thestandard.co/sutin-central-budget-case-asks-for-justice/
- https://thestandard.co/yuthaphong-charassathien-and-central-budget/