ชาไข่มุกหรือชานมไข่มุก เครื่องดื่มรสชาติหวานมันจากไต้หวัน ได้กลายเป็นเมนูยอดฮิตที่สร้างความหลงใหลให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในหมู่คนอายุต่ำกว่า 40 ปี ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย ยุโรป อเมริกาใต้ หรือแม้แต่แอฟริกาใต้ ต่างก็หาซื้อชาไข่มุกได้ไม่ยาก แต่ใครจะไปคิดว่าความนิยมอย่างล้นหลามนี้จะนำมาซึ่งความกังวลให้กับเหล่านักลงทุน
ในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของชาไข่มุก มีร้านชาไข่มุกมากกว่า 5 แสนร้านค้า ส่งผลให้ธุรกิจชาไข่มุกในจีนเติบโตกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับประเทศ โดยมีมูลค่ากว่า 1.45 แสนล้านหยวน หรือราว 7.25 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาไข่มุกประสบความสำเร็จคือการสร้างสรรค์รสชาติและสูตรใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เช่น โปรโมชันส่งเสริมการขาย การร่วมมือกับแบรนด์อื่น และการขยายสาขาไปยังเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งล้วนช่วยดึงดูดให้ลูกค้าหันมาซื้อซ้ำและติดใจในรสชาติ
แม้ความสำเร็จของชาไข่มุกจะดำเนินต่อไปท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน แต่กลับไม่ได้สะท้อนไปยังผลประกอบการของหุ้นบริษัทชาไข่มุก ดังเช่นกรณีของ Chabaidao เชนชาไข่มุกอันดับสามของจีน ที่ราคาหุ้นร่วงหนักตั้งแต่วันแรกที่เข้าตลาดและยังไม่ฟื้นตัว
ก่อนหน้านี้ หุ้นของ Nayuki เชนชาไข่มุกจากเซินเจิ้น ก็ทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยมูลค่าหุ้นลดลงกว่า 80% นับตั้งแต่เปิดตัวในฮ่องกงเมื่อเกือบสามปีที่แล้ว
นักวิเคราะห์มองว่าสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้นฮ่องกงโดยรวม ซึ่งมูลค่าการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นใหม่ในฮ่องกงตั้งแต่ต้นปีนี้ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาภายในอุตสาหกรรมชาไข่มุกเอง เช่น อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดต่ำ ทำให้มีการแข่งขันสูง และหลายบริษัทพึ่งพาการขยายสาขาเพื่อรักษาการเติบโตของรายได้ ซึ่งอาจส่งผลให้กำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้น
Gary Ng นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Natixis เตือนว่า “กรณีของ Chabaidao เน้นย้ำถึงความเสี่ยง และไม่เป็นลางดีสำหรับการเข้าตลาดหุ้นของเชนชาไข่มุกอื่นๆ”
กระนั้น South China Morning Post ก็รายงานว่า คู่แข่งบางรายกำลังเตรียมเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงด้วย MIXUE ซึ่งมีร้านค้าประมาณ 36,000 แห่ง วางแผนที่จะระดมทุนได้มากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการเสนอขายหุ้น IPO ในขณะที่ Guming ซึ่งมีร้านค้า 9,000 แห่ง ตั้งเป้าที่จะระดมทุนได้สูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้การแข่งขันที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้นและราคาถูกลง แต่สำหรับผู้ผลิตชาไข่มุกและนักลงทุน ราคาที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้นอาจไม่ใช่สูตรสำเร็จที่น่าดึงดูดนัก
กรณีนี้จึงเป็นบทเรียนให้นักลงทุนได้ตระหนักว่า ต่อให้ธุรกิจจะเติบโตแค่ไหน ก็ไม่ได้การันตีว่าหุ้นจะรุ่งเรืองเสมอไป และความสำเร็จของสินค้าก็ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความสำเร็จในตลาดทุนเสมอไป
อ้างอิง:
