ตลาดหุ้นไทยตลอด 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ฟื้นตัวได้ประมาณ 8-9% มาอยู่ที่ระดับ 1,560-1,580 จุด หลังจากที่ติดลบไป 8.26% เมื่อปีก่อน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้นได้โดดเด่นที่สุด ณ ขณะนี้คือ หมวดธุรกิจการเกษตร +43.08% ขณะที่หมวดอื่นๆ สามารถยืนอยู่ในแดนบวกได้ทั้งหมด ยกเว้นเพียงหมวดอิเล็กทรอนิกส์ -20.19%
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะวิ่งขึ้นมาถึงระดับนี้ แต่ในมุมของ สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน Chief Investment Officer (CIO) บลจ.บัวหลวง มองว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้หุ้นไทยยังคงมีอัปไซด์อยู่ โดยเฉพาะกับหุ้นที่อิงกับธีม ‘เปิดประเทศ (Re-opening)’
จากวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าหลายธุรกิจของไทยได้รับผลกระทบจากการหดหายไปของนักท่องเที่ยว ไม่เฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม แต่ธุรกิจอื่นๆ เช่น ค้าปลีก โทรคมนาคม หรือโรงพยาบาล ต่างก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน แต่เมื่อไทยกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้ง หุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเหล่านี้จะฟื้นตัวกลับมาได้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสที่จะกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หากธีมการลงทุนเป็นเรื่องของ Reflation ซึ่งหุ้นไทยในปัจจุบันมีข้อได้เปรียบจากการที่ยัง Laggard จากหลายๆ ตลาดที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้
“ธีมลงทุนหลักของ บลจ.บัวหลวง ในปีนี้คือ ‘ผ่านพ้นอุปสรรค เปิดรับ New Normal’ โดยเน้นเลือกหุ้นที่เคยถูกกดดันในช่วงที่ผ่านมา และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะการปรับตัวให้ทันกับการพัฒนา Digital Technology”
ทั้งนี้ บลจ.บัวหลวง เพิ่งออกขาย Trigger Fund ซึ่งเน้นเลือกหุ้นไทยในธีม Re-opening รวมถึงหุ้นอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจ โดยคาดหวังผลตอบแทน 8% สำหรับช่วง 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีนี้นักลงทุนอาจต้องระมัดระวังการปรับฐานของตลาดหุ้น จากความเสี่ยงในเรื่องของการส่งสัญญาณลดวงเงินอัดฉีดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
“แม้ตลาดหุ้นมีโอกาสจะปรับฐานได้หากมีการส่งสัญญาณเรื่องของ QE Tapering แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นเพียงแค่การปรับฐานในระดับไม่เกิน 10% ขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยยังไม่น่าจะเห็นในปีนี้ ส่วนความกังวลเรื่องของบอนด์ยีลด์ขาขึ้น มีโอกาสที่จะเห็นระดับ 2% ได้ในปีนี้ แต่ก็เป็นระดับที่ยังไม่น่ากังวลแต่อย่างใด แม้ว่าอาจจะทำให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ในช่วงสั้น”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ เชื่อว่าหุ้นไทยยังคงน่าสนใจ โดยมองว่ากองทุนที่น่าสนใจคือ บัวหลวงทศพล (BTP) และบัวแก้ว (BKA) ส่วนการลงทุนต่างประเทศจะเน้นการลงทุนในเอเชียเป็นหลัก อย่างกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย (B-ASIA) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE)
ส่วนการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี สันติมองว่า ภายในการปรับฐานของหุ้นเทคโนโลยีในปีนี้ ทำให้ราคาของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายบริษัทลงมาอยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไป ขณะเดียวกันบริษัทเหล่านี้ก็ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงในเรื่องของการควบคุมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็กซึ่งอาจจะยังไม่มีกำไร นักลงทุนต้องติดตามว่าบริษัทจะสามารถทำได้อย่างที่คาดการณ์ไว้หรือไม่
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
