วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ นักวิเคราะห์การลงทุน ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน / ปัจจัยทางเทคนิค บล.บัวหลวง แนะนำการลงทุนในธีมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ หรือ Domestic Resumption เพื่อสอดรับกับ
- การสลับกลุ่มลงทุนของฟันด์โฟลว
- ปัจจัยบวกภายในประเทศไทย ทั้งเรื่องกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะฟื้นตัวและปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นจากมาตรการภาครัฐ
สำหรับปัจจัยเรื่องของการสลับกลุ่มลงทุน (Rotation) นั้นเป็นที่สังเกตได้ชัดว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมปีที่แล้ว เงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนมกราคมถึงปัจจุบัน เงินลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอการลงทุนหุ้นไทย ทำให้ภาพรวมดัชนีไม่หวือหวานัก แต่หากนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนก็ยังคงชื่นชอบกลุ่มนี้อยู่
ประกอบกับปัจจัยบวกภายในประเทศ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ทำให้มีปริมาณเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อีกทั้งความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจที่น่าจะดีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้หากเริ่มมีการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง
“เป็นที่มาของการแนะนำลงทุนหุ้นในธีม Domestic Resumption โดยใช้เป็นกลยุทธ์ลงทุนใน 1 เดือน – 1 เดือนครึ่งจากนี้ ซึ่งสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 10-15%”
ทั้งนี้ กลุ่มที่เข้าธีม Domestic Resumption ประกอบด้วย Hospitality, ค้าปลีก, แบตเตอรี่ไฟฟ้า-ยานยนต์ไฟฟ้า, Retail Oil, Foods, สื่อโฆษณานอกบ้าน ซึ่งเชื่อมโยงกับการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง แต่เป็นชีวิตวิถีใหม่ที่ต้องปรับตัวให้รอดพ้นจากโควิด-19, ฝุ่น PM2.5 และเทคโนโลยีใหม่
โดยหุ้นที่แนะนำทั้ง 10 บริษัท ประกอบด้วย
- บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ BCH จะได้ประโยชน์หากมีการฉีดวัคซีนมากที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลที่มีการรับประกันสังคม เนื่องจากมีผู้ประกันตนมากที่สุดประมาณ 9 แสนราย
- บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS ผู้นำการฟื้นตัวของกำไรหลักกลุ่มการแพทย์สำหรับปี 2564 ได้ประโยชน์จากผู้ป่วยต่างชาติ Fly-In เข้ามารักษาตัวหลังเปิดเมือง
- บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC ในกลุ่มค้าปลีก CRC จะรายงานกำไรหลักเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มสำหรับปี 2564 เนื่องจากฐานที่ต่ำมากในปี 2563
- บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ หรือ GLOBAL เกาะกระแสการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ บวกเพิ่มด้วยแนวโน้มมาร์จินที่ดีขึ้น จากการบริหารจัดการภายในและการปรับสัดส่วนสินค้า House Brand
- บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF เติบโตสูงมากทั้งในระยะสั้นและระยะยาว บนพื้นฐานบริษัทเน้น 2 คำ คือ Food-Tech และ ESG ซึ่งเข้าทาง New Normal ของโลกนี้
- บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT ตัวแทนกลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว และอาหาร ที่จะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
- ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ตัวแทน Consumer Bank ซึ่งจะอิงกับกระแสการจับจ่ายและการฟื้นตัวของผู้บริโภค
- บมจ.แพลน บี มีเดีย หรือ PLANB การกลับมาของการบริโภคและกลับออกจากบ้าน หนุน Eye Ball เพิ่มให้กับสื่อนอกบ้านมากขึ้น
- บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC หุ้นพลังงาน Next Normal ระบบแบตเตอรี่ของ GPSC จะค่อยๆ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาด จนนำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ได้
- บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP เป็นตัวแทนหุ้นปั๊มน้ำมัน ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการกลับมาเดินทางอีกครั้ง และถูกมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม ด้วย PBV 0.7 เท่า
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล