แอน ทองประสม หวนกลับสู่วงการจอเงินอีกครั้งหลังหายหน้าหายตาไปจากการแสดงภาพยนตร์ราว 20 ปี ล่าสุดเธอกลับมาแล้วใน บัวผันฟันยับ ภาพยนตร์ใหม่ของค่าย M Pictures ที่สร้างร่วมกับ BEC World ผลงานของผู้กำกับ ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ (ไบค์แมน 1-2 และ อีเรียมซิ่ง) และผู้อำนวยการบริหารการผลิต ยอร์ช-ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ประกบคู่กับพระเอก กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งช่อง 3
บัวผันฟันยับ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหมู่บ้านหลืบหลบเหล็ก ผ่านตัวละครหลักอย่าง บัวผัน (รับบทโดย แอน ทองประสม) ผู้เก่งกาจด้านการต่อสู้และเป็นนักดาบที่มีฝีไม้ลายมือจนประจักษ์ไปทั่ว ความสามารถดังกล่าวลอยเข้าหู ขาม (รับบทโดย กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์) เด็กหนุ่มผู้อยากแข็งแกร่งเหมือนพ่อของเขาที่เคยเป็นทหารรบชั้นเอก ขามพยายามอ้อนอวนให้บัวผันสอนศิลปะการต่อสู้ให้ แต่เธอกลับปฏิเสธไปอย่างไม่ใยดี
กระทั่งความอันตรายเริ่มคืบคลานเข้าสู่หมู่บ้าน เนื่องจากกลุ่มทหารญี่ปุ่นสุดโหดที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘แก๊งซามูไรคลั่ง’ ทยอยขโมยของสำคัญต่างๆ รวมถึงเข่นฆ่าชาวบ้านจนเกิดวิกฤตการณ์ยุ่งเหยิง ขามจึงขออาสาเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ของทีมคุ้มกันแห่งหลืบหลบเหล็ก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บัวผันยอมใจอ่อนรับขามเป็นลูกศิษย์จนได้ ซึ่งระหว่างนั้นความรู้สึกหวามไหวบางอย่างระหว่างคนสองคนก็เกิดขึ้นตามมา
จุดน่าเสียดายของ บัวผันฟันยับ คือโครงเรื่องที่อ่อนแอ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินไปตามสูตรสำเร็จแบบเส้นตรง ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด มิหนำซ้ำบางเนื้อหาที่นำเสนอเข้ามาก็ยังไม่ถูกขยายความต่อ แต่กลับถูกปิดจบประเด็นเหล่านั้นไปอย่างงงงวย เช่น บทของลูกสาวกำนันที่มีใจให้กับพระเอก แต่สุดท้ายกลับปล่อยหายไปเสียดื้อๆ หรือผลกระทบที่นางเอกต้องเจอจากการใช้ท่าไม้ตายทีเด็ด หากแต่ตัวภาพยนตร์กลับไม่ได้เล่าเหตุการณ์ใดๆ ต่อจากนั้น ส่งผลให้เรารู้สึกเสียอรรถรสและไม่ถูกชักชวนให้ลุ้นตามจนอยากเอาใจช่วยตัวละคร
มากไปกว่านั้น องค์ประกอบบางอย่างที่ไม่จำเป็นยังถูกอัดเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ตัวภาพยนตร์ที่มีความเหนือจริงอยู่แล้ว กลายเป็นดูล้นๆ จนเราขำออกมาแบบกล้ำกลืน ไม่ว่าจะเป็นมุกนักพากย์เสียง ของประดิษฐ์สุดล้ำ หรือแม้กระทั่งโครงสร้างทางเนื้อเรื่องที่ไม่มีน้ำหนักและขาดมิติมาตั้งแต่ต้น ควบคู่กับการเสิร์ฟความทะเล้นสไตล์ไทยๆ เข้ามาผสม จุดเหล่านี้จึงสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นใน บัวผันฟันยับ
ในส่วนของความเฮฮา บัวผันฟันยับ ยังคงมีลายเส้นของผู้กำกับ ตุ๋ย พฤกษ์ อย่างแจ่มชัด ไล่เลียงตั้งแต่ความตลกแบบเล่นใหญ่ ทั้งฉากแอ็กชันและบทสนทนา ดังที่เราได้เห็นกันไปแล้วในตัวอย่าง ภายในภาพยนตร์เองก็ถูกใส่เข้ามาอย่างเนืองแน่นเช่นเดียวกัน ผนวกกับหลายช่วงที่มีการหยอดมุกเฉพาะ ซึ่งจุดๆ นี้อาจทำให้ผู้ชมบางคนอาจไม่เข้าใจในบริบทนั้นได้
นอกจากนี้ทางฝั่งของนักแสดงนำเองก็พอมีข้อติดขัดบ้างประปรายในแง่ของการแสดง โดยเฉพาะกับ แอน ทองประสม ที่ทุกคนต่างมั่นใจในฝีมือการแสดงของเธอเสมอมา หากแต่ครั้งนี้กับบทบัวผัน เรากลับมองเห็นถึงความคุ้นเคยจากบทบาทต่างๆ ของเธอมาผสมปนเปอยู่ในนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านมุทะลุแบบ อลิน ทิพยดา จาก สูตรเสน่หา (2550) หรือมุมน่ารักกุ๊กกิ๊กเหมือนผลงานล่าสุดอย่าง ซุปตาร์ 2550 (2565) ก็ยังมีโผล่มาเจือจางให้เราได้สัมผัสถึง จึงอาจเป็นอีกจุดอ่อนหนึ่งที่ทำให้เธอยังดูไม่สลัดภาพการแสดงแบบละครไปได้หมดจดเมื่อก้าวกลับมาสู่วงการจอเงินหลังทิ้งห่างไปนานหลายปี
สำหรับผู้เขียน ภาพยนตร์คอเมดี้ บัวผันฟันยับ มีทั้งความตลกและไม่ตลกผสมปนกันไป เช่น มีหลายช่วงที่ผู้กำกับพยายามขยี้จนเกินพอดี อย่างบท แจ้ (รับบทโดย ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์) ตัวละครที่ต้องได้รับบาดเจ็บแบบวายป่วงอยู่บ่อยครั้ง พบเจอแต่เรื่องน่าหวาดเสียว จนได้ยินเสียงคนดูข้างๆ ร้องซี๊ดซ๊าดตาม ปัจจัยยิบย่อยเหล่านี้จึงทำให้มุกตลกบางช่วงไม่ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างที่ควรจะเป็น
ในทางกลับกัน ด้านโปรดักชันของ รฤก โปรดั๊กชั่น ยังถือว่ามีความสวยงามเหมือน อีเรียมซิ่ง ก่อนหน้านี้แฝงไว้อยู่ การถ่ายภาพทิวทัศน์ดูโดดเด่น ทำให้เราอดที่จะลอบชมบรรยากาศแถวคุ้งน้ำไม่ได้ จุดเด่นของรฤกคือการสร้างความเป็นไทยสมัยย้อนยุค และดูเหมือนว่าโปรดักชันนี้จะเนรมิตออกมาได้ยอดเยี่ยม อาจเข้าตาถึงชาวต่างชาติที่หลงรักเอกลักษณ์ในความเป็นไทยได้อย่างง่ายดาย
อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับ คือพลังการแสดงแบบตลกธรรมชาติจากนักแสดงสมทบท่านอื่น ไม่ว่าจะเป็น อ๊อด น่ารัก, ก๊อตจิ-ทัชชกร บุญลัภยานันท์, จ๊ะ-นงผณี มหาดไทย ฯลฯ ซึ่งหลายคนเคยมีประสบการณ์และถนัดงานคอเมดี้อยู่เป็นทุนเดิม การปรากฏตัวของพวกเขาจึงทำให้อะไรๆ ดูดีขึ้นมาทันควัน เนื่องจากจังหวะรับส่งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยไหวพริบและลื่นไหล
บัวผันฟันยับ อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเสพความบันเทิงเป็นหลัก แม้ว่าบางจุดอาจจะมีช่องโหว่ไปบ้าง แต่ข้อดีก็ยังมีพลังจากนักแสดงหลายคนที่ส่งออกความตลกพอให้ยิ้มออก บวกกับงานโปรดักชันระดับพอดูดี เพียงจุดนี้ก็อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกเบิกบานไปตามตัวภาพยนตร์ได้ ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ร่วมของผู้ชมแต่ละคน
รับชมตัวอย่างภาพยนตร์ได้ที่นี่
