×

กลุ่มบีทีเอส ทุ่มเงินกว่า 1.85 หมื่นล้าน เข้าถือหุ้น JMART และ SINGER หวังต่อยอดธุรกิจ เล็งนำ ‘JFin Coin’ ชำระค่ารถไฟฟ้าและซื้อสินค้าบริการในเครือ

27.08.2021
  • LOADING...
บีทีเอส

กลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เตรียมทุ่มเงิน 1.85 หมื่นล้านบาทเพิ่มทุนใน บมจ.เจ มาร์ท (JMART) และ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) หวังต่อยอดธุรกิจ พร้อมวางแผนปรับโครงสร้าง บมจ.ยู ซิตี้ (U) จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สู่ดิจิทัลไฟแนนซ์ เปิดทางลูกค้าบีทีเอสใช้ ‘JFin Coin’ ทำธุรกรรมแทนเงินสด

 

สุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงิน BTS กล่าวกับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทในกลุ่ม BTS เข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของ JMART และ SINGER 

 

โดย บมจ.วีจีไอ (VGI) ซึ่ง BTS ถือหุ้นในสัดส่วน 21.95% จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน JMART ในสัดส่วน 15% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 7 พันล้านบาท ขณะที่ บมจ.ยู ซิตี้(U) ซึ่ง BTS ถือหุ้นในสัดส่วน 36.22% จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน SINGER ในสัดส่วน 9.9% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 4.5 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ U เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงของ SINGER ในสัดส่วน 24.9% คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 7 พันล้านบาท

 

“ทุกบริษัทที่เกี่ยวข้องจะจัด AGM ในเดือนตุลาคม เมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมแล้วก็จะมีการทยอยใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไป คาดกว่าขั้นตอนการดำเนินงานทุกอย่างจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่ผู้ถือหุ้นลงมติ AGM” 

 

สำหรับเม็ดเงินที่ใช้ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ในส่วนของ VGI จะมาจากกระแสเงินสด ทั้งนี้ VGI ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ส่วน U ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า บริการ จำหน่าย และบริหารอย่างครบวงจร

 

สุรยุทธกล่าวว่า การเข้าลงทุนใน JMART และ SINGER ในครั้งนี้เนื่องจากมองเห็นโอกาสและเป็นการซินเนอร์จีธุรกิจร่วมกัน โดยในส่วนของ JMART ที่จำหน่ายมือถือและมีจำนวนมากจะช่วยต่อยอดการขายสินค้าในกลุ่ม BTS ซึ่งก่อนหน้านี้เครือBTS ได้มีการลงทุนและจับมือในการทำธุรกิจกับ Xiaomi

 

ส่วน U จะใช้เครือข่ายของ SINGER ที่เข้าถึงผู้บริโภคและกลุ่มลูกค้าระดับรายย่อยจำนวนมากในการต่อยอดธุรกิจด้านการเงิน ซึ่ง SINGER ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และการที่บริษัทใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไปจะทำให้ฐานะการเงินของ SINGER แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยให้เครดิตเรตติ้งของบริษัทดีขึ้นด้วย จากปัจจุบันอยู่ที่ BBB- โดยเรตติ้งที่ดีขึ้นจะช่วยให้ต้นทุนการเงินของ SINGER ลดลงได้ราว 2% 

 

“ในอนาคต U จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลง โดยเปลี่ยนจากการทำอสังหาริมทรัพย์มาสู่การเป็นดิจิทัลไฟแนนซ์  ซึ่งจะเป็นการตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เพราะต้องยอมรับว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด สินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์อาจจะนิ่ง เรามองว่าน่าจะเทิร์นออกและไปทำธุรกิจตามโลกที่เปลี่ยนไป”

 

นอกจากนี้ ในอนาคตกลุ่ม BTS จะต่อยอดทางธุรกิจกับกลุ่ม JMART โดยนำเหรียญ JFin Coin เข้ามาใช้ร่วมกับบริการต่างๆ เช่น การใช้เหรียญในการชำระค่าบริการธุรกิจโรงแรมในเครือ หรือใช้เหรียญเพื่อเติมเงินในบัตรแรบบิท เพื่อใช้ชำระค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าของ BTS หรือการชำระราคาสินค้า เป็นต้น

 

“เราอยากปรับตัวไปสู่มาร์เก็ตที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ตอนนี้คนอายุน้อยมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เรามีฐานแรบบิท 4-5 ล้านคน คาดว่าน่าจะมี 2-3 ล้านคนที่น่าจะเปลี่ยนมาใช้เหรียญเติมเงิน ซึ่งการปรับตัวครั้งนี้ของเราส่วนหนึ่งเป็นผลจากโควิด รวมทั้งพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนแปลงไป”

 


 

เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหารต้องดูก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022

 

📌 เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง

📌 ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทยโลก

📌 เทรนด์ผู้บริโภคการตลาด

📌 เคสจริงจากผู้บริหาร

 

พิเศษ! บัตร Early Bird 999 บาท วันนี้ถึง 27 สิงหาคมนี้เท่านั้น

ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X