สหราชอาณาจักรจะห้ามการจำหน่ายรถยนต์และรถตู้ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลตั้งแต่ปี 2030 ซึ่งเร็วขึ้นจากแผนเดิม 5 ปี ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่ต้องการลดการปล่อยคาร์บอนจนเป็นศูนย์ภายในปี 2050
“ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะวางแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมด้วยงานทักษะสูง ซึ่งจะทำให้ผู้คนพึงพอใจที่ได้รับรู้ว่าพวกเขากำลังช่วยให้ประเทศสะอาดขึ้น เขียวขึ้น และสวยงามขึ้น” จอห์นสันเขียนในคอลัมน์ที่ตีพิมพ์ใน Financial Times เมื่อวันอังคาร (17 พฤศจิกายน)
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G7 ที่กำหนดเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ในกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านการเดินทาง รวมถึงการใช้พลังงานของคนสหราชอาณาจักร
สำหรับงบประมาณที่จะใช้กับแผนปฏิรูปนี้ จะใช้เงินจากรัฐบาลจำนวน 1.2 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 4.82 แสนล้านบาท) ซึ่งมากกว่าเงินจากภาคเอกชนถึง 3 เท่า และจะสร้างงาน รวมถึงเพิ่มทักษะในงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถึง 250,000 ตำแหน่งภายในปี 2030
ส่วนเส้นตายในการแบนรถเบนซินและดีเซลนั้นได้เลื่อนขึ้นมาเร็วขึ้น 5 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ในปี 2035 ซึ่งนายกฯ จอห์นสันเคยประกาศไว้ในเดือนกุมภาพันธ์
โดยรัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือรวม 582 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.34 หมื่นล้านบาท) สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ที่ไม่ก่อมลพิษหรือปล่อยคาร์บอนต่ำ เพื่อให้ราคาถูกลง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: