เลสเตอร์ ซิตี้ เคยเข้าชิงเอฟเอคัพมาแล้วมากถึง 4 ครั้งด้วยกันในอดีต ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย ปัญหาเดียวคือพวกเขาไม่เคยได้แชมป์รายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกมาครอบครองเลยแม้แต่ครั้งเดียว
การเข้าชิงชนะเลิศ 4 ครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่ทีม ‘จิ้งจอก’ เป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของวงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเข้าชิงครั้งแรกเมื่อปี 1949, 1961, 1963 และครั้งสุดท้ายคือปี 1969 ที่แม้แต่ ปีเตอร์ ชิลตัน สุดยอดนายทวารในตำนานของอังกฤษ ก็ยังไม่สามารถช่วยปกป้องทีมจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ชิงชนะเลิศในคราวนั้นได้
วันเวลาล่วงเลยยาวนานจนถึงปัจจุบัน เลสเตอร์เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ พวกเขาสร้างตำนานตลอดกาล ‘เทพนิยายจิ้งจอก’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้แบบเหนือยิ่งกว่าคำว่าปาฏิหาริย์ในฤดูกาล 2015/16 ซึ่งความสำเร็จนั้นมากเกินกว่าสโมสรจะตั้งรับได้ทัน ทำให้ทีมสะดุดอยู่พักใหญ่
ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้งเมื่อได้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยอดผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่สละเก้าอี้กุนซือของกลาสโกว์ เซลติก หนึ่งในสโมสรเก่าแก่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ เพื่อมาคุมทีมที่มีเจ้าของสโมสรเป็นคนไทย
อดีตผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลอยู่กับเลสเตอร์มาเป็นเวลา 2 ปีเศษ วันนี้นอกจากที่พวกเขาจะมีลุ้นในการคว้าตั๋วไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง หลังจากที่อกหักดังเป๊าะในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว ‘The Foxes’ ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์เอฟเอคัพเป็นครั้งที่ 5 ด้วย
และครั้งนี้ร็อดเจอร์สในฐานะนายใหญ่ของทีม ก็ต้องการที่จะเป็นผู้ชนะในเกมที่เวมบลีย์คืนนี้ให้ได้ ไม่ใช่เพียงเพื่อได้ชื่อว่าพาทีมคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์รายการแรกของเขากับสโมสรเท่านั้น
แต่เพื่อเจ้าของสโมสรคนเก่าที่จากไปโดยไม่ทันได้บอกลาใครเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2018
“ผมอยากจะคว้าแชมป์เพื่อคุณวิชัย (ศรีวัฒนประภา) และครอบครัวของเขา” ร็อดเจอร์สกล่าวถึงเจ้าของสโมสรคนเก่าที่เขาไม่เคยได้พบ แต่รับรู้และสัมผัสได้ถึงความตั้งใจจริงผ่านสโมสร
“จิตวิญญาณของเขาจะอยู่กับพวกเราในวันนี้”
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้ร็อดเจอร์สได้พบกับคนที่ดึงเขาเข้ามาคุมทีม ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรคนปัจจุบันที่สานงานของพ่อต่อได้อย่างยอดเยี่ยม และได้เดินทางมาอังกฤษเพื่อให้กำลังใจนักเตะเลสเตอร์ทุกคน และจะมาชมเกมที่เวมบลีย์ด้วย
“การพบกับต๊อบในสัปดาห์นี้เป็นการย้ำให้เห็นถึงเหตุผลที่ผมมาที่นี่ เพราะพวกเขาและเพื่อเลสเตอร์ แน่นอนว่าผมอยากจะคว้าแชมป์เพื่อลูกทีมและแฟนๆ ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าให้ผมเลือกเหตุผลเดียวก็คงจะเป็นเพราะต๊อบและครอบครัวของเขา การได้แชมป์รายการนี้คงจะเป็นอะไรที่พิเศษมาก”
อีกหนึ่งสิ่งที่ร็อดเจอร์สอยากเห็นคือการที่เลสเตอร์จะยังคงเป็น ‘People’s Club’ เป็นสโมสรของผู้คนที่ไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่ชาวเมืองเลสเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสโมสรที่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถเอาใจช่วยทีมที่ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องและตั้งใจ
“เราต้องการที่จะเติบโตในฐานะสโมสรของผู้คน สโมสรที่แฟนบอลทั่วประเทศเฝ้าดู และหวังว่าสโมสรของพวกเขาจะทำแบบเลสเตอร์ได้ในการท้าทายเหล่าสโมสรระดับชั้นนำ
“เราคือผู้บุกเบิกสำหรับสโมสรที่อยู่นอกกลุ่มท็อป 6” ร็อดเจอร์สกล่าว
แต่หากสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพมาครองได้ในวันนี้ มันจะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน
“นี่เป็นเกมที่เราสามารถสร้างตำนานที่น่าเหลือเชื่อ และบันทึกเรื่องราวของเราไว้ได้ผ่านเกมเหล่านี้ หวังว่าเราจะทำได้
“เราเล่นได้อย่างสม่ำเสมอในปีนี้และเล่นกันได้ค่อนข้างดีมาเป็นระยะเวลาพักใหญ่ ดังนั้นนี่คือก้าวต่อไปของเรา แน่นอนว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นอันเป็นผลจากเกมนี้นั้นยิ่งใหญ่มากกว่าเกมอื่น แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องเน้นย้ำเกมนัดชิงเอฟเอคัพในการจะทำให้เครียดหรือกดดัน เพราะเกมนี้เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
“เรามีการเตรียมความพร้อมแล้ว การได้เล่นนัดชิงฯ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องเร่งฟอร์มอะไรมากนัก เพราะเราจะพยายามมากขึ้นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว”
ความรู้สึกในการทำเพื่อผู้อื่นก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่ยิ่งใหญ่ และนักเตะเลสเตอร์รวมถึงร็อดเจอร์สรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการสู้เพื่อใคร
อ้างอิง:
- https://www.skysports.com/football/news/11095/12305252/fa-cup-final-leicester-boss-brendan-rodgers-hoping-to-win-trophy-for-late-owner-vichai-srivaddhanaprabha
- https://uk.news.yahoo.com/news/brendan-rodgers-says-leicester-cup-213058243.html
- https://www.telegraph.co.uk/football/2021/05/14/jamie-vardy-interview-winning-fa-cup-leicester-would-last-box/
- https://www.bbc.com/sport/football/57062469