×

บทบาทหลากหลาย ความสุขเรียบง่าย และรอยยิ้มที่ไม่เคยหายไปของพัชชา พูนพิริยะ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
01.02.2019
  • LOADING...

ย้อนไปในปี พ.ศ. 2556 วงการบันเทิงได้เริ่มรู้จักกับ จูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ ในฐานะนักแสดงหน้าใหม่จากภาพยนตร์เรื่อง Mary is happy, Mary is happy ที่กำกับโดย เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ โดยมีผมหน้าม้าและรอยยิ้มสดใสที่มักจะพาดวงตาคู่เล็กของเธอให้หายไปด้วย เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่เราจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ เมื่อพูดชื่อเธอขึ้นมา

 

ถึงแม้เมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี เราจะมีโอกาสได้เห็นผลงานแสดงของเธออีกเพียงแค่ 2 ครั้ง ผ่านโฆษณาชุด My Beautiful Woman ตอน ความลับของเจน และภาพยนตร์เรื่อง Die Tomorrow จากผู้กำกับคนเดิม แต่ชื่อของเธอก็ยังคงอยู่ในความสนใจของเรามาโดยตลอด

 

หลังจากนั้นสถานะของเธอที่เรารู้จักก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่นักแสดง, นักวาดภาพประกอบ, คนทำงานศิลปะ, คนจัดอีเวนต์เพื่อสังคม ไล่เรียงมาถึงบทบาทหลักที่เธอทุ่มเทให้มากที่สุดในปัจจุบันอย่างการเป็นดีเจที่คลื่น Cat Radio, หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Gloc ร้านมัลติแบรนด์ที่แทรกความเป็นตัวตนของเธอเอาไว้ภายในร้านเล็กๆ ย่านอารีย์ รวมทั้งบทบาทหนึ่งในสายงานที่เธอไม่คุ้นเคยมากที่สุดในฐานะ Content Creator ประจำสำนักข่าว THE STANDARD

 

ถึงแม้ในวันนี้ผมหน้าม้าที่เราเคยเห็นจะเปลี่ยนไป พร้อมกับความคิดความอ่านที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจากหลากหลายบทบาทที่เธอตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อพัฒนาตัวเองด้วยความตั้งใจอย่างสูงสุด

 

แต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม การตั้งใจตอบคำถามอย่างดีที่สุด ที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

 

 

นิสัยพื้นฐานที่ทำให้จูนจูนเติบโตมาเป็นคนที่มีความสนใจในการทดลองทำหลายๆ บทบาทเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อไร

ตอนเด็กๆ เป็นคนตั้งใจเรียนมาก เพราะไม่ชอบโดนครูดุ (หัวเราะ) ตอนนั้นจะคิดแค่ว่าต้องทำการบ้านถูก ได้เกรดดี ได้อันดับในห้องไม่เกินเท่านี้ๆ แต่เราจะโฟกัสเฉพาะสิ่งที่เราชอบและสามารถทำได้นะ เช่น วาดรูปสวยแล้วมีผู้ใหญ่มาชมว่าเก่ง เราก็ฝึกวาดรูปไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเรื่องไหนที่ไม่ถนัดอย่างพวกวิชาพละก็จะเทเลยนะ (หัวเราะ) แล้วไม่สนใจด้วยว่าใครจะมาบอกว่าห่วยหรืออะไรก็ตาม จูนมีทัศนคติว่าก็เรื่องนี้ฉันทำไม่ได้ เอาเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ดีกว่า  ก็เลยติดนิสัยที่ว่าอยากพัฒนาในสิ่งที่ตัวเองสนใจและทำได้ดีต่อไปเรื่อยๆ มาจนถึงตอนนี้

 

คิดว่าบทบาทที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดีที่สุด ถ้าเทียบบทหลายๆ บทบาทที่จูนจูนเคยทดลองทำมาคืออะไร

การพูด การเป็นพิธีกรหรือดีเจ ที่รู้สึกว่าเสียงพูด หรือเวลาเราขึ้นไปพูดบนเวทีแล้วรู้สึกว่าทำไปได้เรื่อยๆ สามารถพูดไปเรื่อยๆ 3 ชั่วโมงอย่างมีความสุขไม่ต้องเหนื่อย ตื่นเต้น หรือใช้พลังมากจนเครียดเหมือนเวลาทำอย่างอื่น เหมือนทำได้ตรงตามมาตรฐานที่คนอื่นมอบมาให้ เราเลยคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงมากที่สุดมั้ง แต่ในขณะเดียวกันสิ่งเหล่านั้นกลับเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากเป็นที่สุดในชีวิต

 

ไม่ได้หมายความว่าจูนไม่ชอบการเป็นดีเจหรือพิธีกรนะ เพียงแต่ว่าในหลายๆ บทบาทที่ได้รับ ยังมีอีกหลายอย่างที่รู้สึกว่าเราอยากทำให้ได้ดีกว่านี้ แต่พอทำงานไปเยอะๆ ก็จะมีบางทีที่กลับมาคิดถึงหลายๆ บทบาทที่เราชอบมากใช้เวลาทุ่มเทให้กับมัน แต่ยังไม่ได้รู้สึกว่าเราทำได้เท่าไร กับอีกทางหนึ่งคือสิ่งที่เราทำได้ดีแต่กลับไม่ได้ชอบมันมากที่สุด ถ้าเทียบกันแล้วมันคุ้มจริงๆ หรือเปล่า บั้นปลายชีวิตเราจะต้องมาจบแบบนี้ไหม ก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาบ้างเหมือนกัน  

 

 

คิดว่าการได้ทดลองทำอะไรใหม่ หรือมีความสนใจในหลายสิ่งที่อยู่รอบตัว มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนกับเด็กสมัยนี้

อาจจะแล้วแต่คนด้วย แต่สำหรับจูนคิดว่าจำเป็นนะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสามารถทดลองทำทุกอย่างได้อย่างที่เราอยากทำ ถ้าพูดแค่ความอยากอย่างเดียว จูนมีหลายเรื่องที่อยากทำมาก อยากเรียนจิตวิทยา อยากเรียนขี่ม้า มีโปรเจกต์นู่นนี่ขึ้นมาตลอด แต่สุดท้ายก็ยังให้ความสำคัญกับทุกๆ หน้าที่ที่ได้รับตรงนี้ก่อน พอมีคำว่าหน้าที่มากำกับ มันเป็นเหมือนเครื่องช่วยตัดสินใจให้เราได้เลยนะ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นเรื่องงาน แล้วไม่ได้ติดเรื่องที่สำคัญจริงๆ จูนจะทำหมด แล้วจะมาสติหลุดทีหลัง งอแงนู่นนี่ว่าไม่อยากทำ แต่สุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี (หัวเราะ) ส่วนเรื่องที่อยากก็จะเป็นเรื่องรองไปเลย นี่แหละชีวิต เราไม่สามารถทำทุกอย่างที่เราอยากทำได้ทั้งหมดหรอก

 

ทำไมถึงรู้สึกว่าเกิดมาแล้วต้องรับผิดชอบหน้าที่หลายๆ อย่างพร้อมกันมากขนาดนั้น

คิดว่าเป็นการเติมจิ๊กซอว์ในตัวเรา ทุกโอกาสที่ได้รับในตอนนี้คือสิ่งที่เราอยากทำทั้งหมดนะ เพียงแต่ว่ามันก็มีอีกหลายอย่างที่เราอยากทำมากๆ เท่านั้นเอง อย่างที่อยากเรียนจิตวิทยา เพราะรู้สึกว่าถ้าเรารู้เรื่องนี้จะช่วยเติมเต็มในสิ่งที่เราอยากเป็นมากขึ้น เหมือนว่าทุกบทบาทที่ทำอยู่ อาจจะไม่ได้เติมเต็มเราได้แบบ 100% เพราะมันกลายเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เลยเกิดเป็นช่องว่างในตัวที่ยังอยากตอกย้ำว่านี่ตัวฉันจริงๆ เพราะนอกจากชื่อจูนจูน-พัชชา พูนพิริยะ ที่พ่วงท้ายด้วย ดีเจ พิธีกร นักแสดง คนทำธุรกิจ คนทำคอนเทนต์ ก็ยังมีความรู้สึกอยากเป็นพัชชา พูนพิริยะ ที่เป็นนักจิตวิทยาอยู่ด้วย

 

 

ถ้าเลือกได้แค่หนึ่งอย่าง อยากให้บทบาทไหนพ่วงท้ายชื่อพัชชา พูนพิริยะ มากที่สุด

ถ้าตอนนี้นะ คิดแบบไม่ต้องอ้างอิงความเป็นจริงเลย คงอยากเป็นคนที่สร้างอะไรใหม่ๆ ให้สังคม ไม่ใช่แค่เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่แค่คนทำคอนเทนต์ เพราะใครๆ ก็ทำได้ เราอยากทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่กว่านั้น อย่างที่บอกว่าอันนี้คือไม่อิงกับความเป็นจริงเลยนะ (หัวเราะ) เพราะรู้ว่าอยากมาก แต่ลึกๆ ก็อยากทำอะไรที่มันยิ่งใหญ่จริงๆ แบบที่รู้สึกว่าตายไปก็ไม่เสียดายชีวิตนี้แล้ว

 

จูนจูนมีวิธีบริหารจัดการเวลากับหลายๆ บทบาทที่ได้รับในแต่ละวันอย่างไรบ้าง

จูนเป็นคนที่ถ้ารู้ว่างานไหนรีบมาก หรือต้องใช้เวลามากจริงๆ เราจะเร่งทำให้เสร็จก่อนเลย แล้วรีบเคลียร์งานลำดับต่อมาให้เสร็จ เป็นคนรีบทำงานมาก อยากทำทุกอย่างให้จบ ไม่ชอบความรู้สึกว่ามีภาระค้างคาอยู่ อีกอย่างคือเราอยากรีบเคลียร์วันทำงานให้จบเร็วที่สุด เพื่อที่อย่างน้อยจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง เพราะรู้สึกได้เลยว่าอาทิตย์ไหนที่เราพักผ่อนไม่พอ เราจะหงุดหงิดหรือนอยด์ไปทั้งอาทิตย์เลย

 

แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องพักเยอะนะ บางทีขอแค่ได้มีเวลานั่งเฉยๆ อยู่บ้านแป๊บหนึ่ง หรือแค่มีโอกาสโพสต์รูปในอินสตาแกรม ว่าฉันไปกินข้าวร้านนี้มานะ บางทีเรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ทำยากมากแล้ว แต่ถ้าอาทิตย์ไหนมีเวลาพักมากกว่า 2 วัน ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนอกจากวันอาทิตย์จะยิ่งรู้สึกแฮปปี้มาก

 

คิดว่าสิ่งที่ได้รับมาคุ้มค่ามากขนาดไหน ถ้าเทียบกับการที่เราทุ่มเทเวลาในช่วงวัยรุ่นเพื่อทำหลายบทบาทแบบนี้

ยังตอบไม่ได้ว่าคุ้มไหม ต้องดูกันไปยาวๆ รู้แต่ว่าตอนนี้จูนยังไม่กล้าหยุด ยังไม่กล้าสบาย บอกตัวเองว่าอายุเท่านี้เอง แกจะสบายตอนนี้เลยเหรอ แล้วแก่ไปจะทำยังไง คิดว่าอายุเท่านี้ก็ต้องทำไปเรื่อยๆ ยอมเหนื่อยไปเรื่อยๆ จนกว่ามีลูกแล้วลูกเรียนจบ มีงานทำกันหมดแล้ว ถ้าอายุ 50-60 แล้วเรายังเป็นแบบนั้นน่าจะพอตอบได้ว่าที่ทำมาน่าจะเวิร์กแล้ว

 

 

ต้องมีตัวช่วยอะไรบ้างไหม เวลาที่รู้สึกเหนื่อยหนักๆ จากการทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันขนาดนี้

ม.6 ถึงมหาวิทยาลัยปี 1 ที่ต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ต้องท่องบทไปพร้อมๆ กับการเรียนมหาวิทยาลัย ต้องใช้สมองเยอะขึ้น เลยรู้สึกว่าต้องกินเครื่องดื่มที่มาช่วยทำให้เราได้เหมือนบูสต์ตัวเองจากการทำงานหนักมากขึ้น ก็เลยเริ่มมากินแบรนด์เจนยู เจนโปรฯ ที่มีจินเซนโนไซด์ เจนโปร และวิตามินบี 12 ช่วยให้รู้สึกเหมือนได้บูสต์เพื่อไปต่อ แล้วรสชาติก็รู้สึกว่าอร่อย กินง่าย เลยทำให้ติดมาถึงทุกวันนี้ ที่มีอะไรหลายๆ อย่างต้องทำในแต่ละวัน

 

 

บทบาทต่อไปที่จูนจูนยังไม่ได้ทำแล้วรู้สึกอยากทำมากที่สุดคืออะไร

อยากเรียนปริญญาโท เพราะเคยมีภาพในหัวตั้งแต่ตอนเด็กๆ ว่าอยากโตไปเป็นผู้หญิงแบบไหน อาจจะเพราะค่านิยมบางอย่างที่ส่งผลข้างในโดยไม่รู้ตัวด้วยก็ได้นะ แต่ดันมีภาพผู้หญิงจบปริญญาโทอยู่ในนั้นด้วย (หัวเราะ) อาจจะดูไร้สาระมากเลยนะ แต่รู้สึกว่าอยากเรียนจริงๆ ตอนนี้คณะที่คิดเอาไว้คือ บริหารธุรกิจที่อาจจะมีผลต่อหน้าที่การงานในอนาคต หรือไม่ก็จิตวิทยาที่อยากเรียนมาตลอด

 

 

เท่าที่ฟังมาทั้งหมด ดูเหมือนว่าจูนจูนจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนอนาคตในแต่ละช่วงชีวิตมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ มากเหมือนกันนะ

มีบ้าง แต่ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นะ ชอบคิดว่าตัวเองจะเรียนที่ไหน ทำงานอะไร ขับรถแบบไหน มีบ้านมีไหน คิดไปถึงขนาดว่าจะไว้ทรงผมแบบไหนเลยด้วย (หัวเราะ) แต่เป็นแพลนกว้างๆ กำหนดเป็นช่วงๆ ไม่ถึงกับเป็นเลขเป๊ะๆ แต่ตอนนี้เริ่มกำหนดชัดมากขึ้น เช่น เรียนตอนปริญญาโทตอนอายุ 27 แล้วแต่งงานตอนอายุ 28 ก่อน 30 ก็อาจจะแต่งงาน มีลูก ซื้อบ้าน ฯลฯ แล้วมันจะมีอีกภาพหนึ่งนะที่อยากทำให้ได้ คืออยากเป็นแม่ที่ลูกรักมาก เป็นแม่ตัวอย่าง เป็นแม่ที่มีชีวิตที่มีความสุขที่สุดในโลกอะไรแบบนี้

 

 

มีภาพไหนบ้างที่เคยคิดเอาไว้ แล้วเราภูมิใจมากที่สุดที่ทำให้ภาพนั้นเกิดขึ้นมาจริงๆ

จูนว่าช่วงหลังๆ เราเป็นลูกที่ดีพอสมควร และคิดว่าพ่อแม่ก็แฮปปี้กับเราพอสมควรเหมือนกันนะ (หัวเราะ) ถือว่าเป็นหนึ่งเป้าหมายที่สามารถติ๊กถูกให้ตัวเองได้ว่าเราทำสำเร็จไปได้แล้วหนึ่งช่อง เพราะจะมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าเราไม่ค่อยน่ารักเท่าไร แต่พอโตขึ้นก็พยายามมากขึ้น พยายามรับผิดชอบกับบทบาทตรงนี้ แล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้ทำให้ตัวเองตอนเด็กผิดหวังเท่าไร ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง สามารถรับผิดชอบชีวิตได้ดีพอสมควร

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X