×

Fevernova & Beckham Mania Adidas กับช่วงเวลาแสนดีในฟุตบอลโลก 2002

06.07.2025
  • LOADING...
brand-war-wc2002

คลับคล้ายคลับคลาเหมือนไม่กี่วันก่อนจะผ่านตากับคอนเทนต์ “ฟุตบอลนัดหยุดเรียน” ใช่ไหมนะ

 

ตอนแรกเห็นแล้วก็รู้สึกอิ่มใจดีนะครับเพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีและสวยงาม แต่อีกแวบก็คิดขึ้นมาได้ว่ามันผ่านมาตั้ง 23 ปีแล้วเหรอเนี่ย รอยตีนกาและความเหี่ยวย่นบนใบหน้าพยักหงึกๆ อย่างช้าๆ แทนการตอบว่าคนเขียนนั้นแก่แล้วจริงๆ

 

แต่ความทรงจำในช่วงเวลานั้นยังถูกเก็บและรักษาเอาไว้อย่างดี มีอะไรให้หยิบมาเล่าได้หลายเรื่องทีเดียวเชียว

 

หนึ่งในนั้นคือเกมนัดหยุดเรียน เพื่อให้เด็กๆ ในบ้านเราได้นั่งดูเกมฟุตบอลโลกนัดสำคัญระหว่างทีมชาติอังกฤษและบราซิล (สมัยนั้นไม่มี YouTube หรือระบบรับชมย้อนหลังเหมือนวันนี้ พลาดแล้วคือพลาดเลย)

 

เพียงแต่วันนี้คงไม่ได้หยิบเอาเรื่องของเกมในสนามมาเล่ากัน

 

ขอเป็นเล่าเรื่องของลูกฟุตบอล รองเท้าฟุตบอล และซูเปอร์สตาร์ กับชัยชนะในเกมนอกสนามของแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีก่อนนะครับ (เรื่องอื่นถ้าอยากอ่านรีเควสต์ได้นะ)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ฟุตบอลโลก 2002 ถือเป็นฟุตบอลโลกสมัยแรกในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นทวีปที่ 4 ของโลกต่อจากอเมริกาใต้, อเมริกาเหนือ และยุโรป เป็นหนึ่งในฟุตบอลโลกที่คนจดจำและคิดถึงมากที่สุดครั้งหนึ่ง 

 

เพราะนอกจากมันจะเป็นฟุตบอลโลกที่สนุกตื่นเต้น (พอสมควร) เนื่องจากเป็น “ยุคทอง” (Golden generation) ที่มีนักฟุตบอลในระดับสุดยอดลงสนามชิงชัยกันอย่างมากมาย

 

ซีเนอดีน ซีดาน, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร, ริวัลโด, โรนัลดินโญ, โรนัลโด, โรแบร์โต คาร์ลอส, โอลิเวอร์ คาห์น, มิชาเอล บัลลัค, หลุยส์ ฟิโก, ชุนสุเกะ นากามูระ ไปจนถึงสตาร์ที่แจ้งเกิดในรายการอย่างเอล ฮัดจิ ดิยุฟ

 

เรียกว่าดารานักเตะมากมายเต็มไปหมด

 

เพียงแต่ฟุตบอลโลก 2002 ไม่ได้สนุกแค่เรื่องของเกมในสนามเท่านั้นครับ เพราะเกมนอกสนามเองก็ดุเดือดไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เผลอๆ อาจจะเดือดกว่าด้วย

 

เหตุผลเพราะว่าเป็นฟุตบอลโลกหนแรกที่เริ่มมีการทำการตลาดแบบยุคใหม่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการห้ำหั่นกันระหว่างยักษ์ใหญ่เจ้าวงการอย่าง adidas กับผู้ท้าชิงที่เริ่มจะครองพื้นที่ในหัวใจของแฟนฟุตบอลคนรุ่นใหม่อย่าง Nike

 

สิ่งที่เราได้เห็นคือการดวลกันแบบหมัดต่อหมัด ปลายสตั๊ดต่อปลายสตั๊ดเลยทีเดียว

 

อย่าง Nike นำมาโดยรองเท้า Mercurial Vapor ไซโลรองเท้าสายความเร็ว (Speed) ที่มีนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกเวลานั้นอย่าง โรนัลโด เป็นพรีเซนเตอร์ และยังมีสายคลาสสิกอย่าง Tiempo ที่ได้โรนัลดินโญมาสวมใส่

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

แต่ทีเด็ดใหม่คือ Air Zoom T90 II ที่กำลังมาแรงและเป็นหนึ่งในรองเท้ารุ่น Iconic ของยุคสมัยซึ่งได้ หลุยส์ ฟิโก, พอล สโคลส์, ฟรานเชสโก ต็อตติ และโรแบร์โต คาร์ลอส มาใส่

 

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยในเกมนี้

 

ในมุมมองของคนในวงการ แชมป์ตัวจริงในฟุตบอลโลก 2002 ให้เป็น adidas ที่เฉือนคว้าชัยไปได้แบบเล็กน้อยครับ

 

เรื่องนี้มันมีเหตุผลอยู่ จากกลยุทธ์ของ adidas ในการผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำนำสมัย, กลยุทธ์การตลาดที่แยบยล และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือพลังของซูเปอร์สตาร์

 

โดยเฉพาะเจ้าพ่อลูกนิ่งที่เป็นเบอร์หนึ่งของพวกเขาในเวลานั้นอย่าง เดวิด เบ็คแฮม

 

แต่ก่อนจะไปถึงเบ็คแฮม adidas ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนฟุตบอลและคนในวงการด้วยลูกฟุตบอลประจำการแข่งขัน (Official ball) ในรุ่น “Fevernova”

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ลูกฟุตบอล Fevernova นี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการของลูกบอลเลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ฉูดฉาดสดใสสมชื่อ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นเอเชีย (ตะวันออก) ที่แตกต่างจากลูกฟุตบอลแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น Tango มาจนถึง Tricolor (ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส) ที่เป็นลูกฟุตบอลแบบดั้งเดิมที่ดูสุภาพเรียบร้อย

 

ภาพลักษณ์ใหม่ของ Fevernova เป็นการเปิดประตูบานใหม่ให้กับวงการได้รู้ว่า เอ้อ ลูกฟุตบอลมันทำสีสันสดใสแบบนี้ก็ได้นะ

 

ที่สำคัญคือไม่ได้มีแค่งานออกแบบ แต่ยังมีเรื่องการใส่เทคโนโลยีเข้าไปเป็นจุดขายด้วย ซึ่งก็เป็นของดีที่ใช้งานได้จริง เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบลูกบอลที่ดีที่สุดของ adidas ที่ชวนคิดถึง

 

ลูกฟุตบอลดีก็ยังมาพร้อมกับรองเท้าฟุตบอล – ที่คนไทยเรียกกันว่า “สตั๊ด” – ที่ดีด้วย 

 

ท่ามกลางรองเท้าสตั๊ดมากมาย หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นที่สุดของรายการที่แฟนฟุตบอลยังจดจำและคิดถึงเสมอคือรองเท้า Predator Mania โดยเฉพาะรองเท้าของเดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นรองเท้าในสีแชมเปญ (Champagne Mania)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ความเท่ของสตั๊ดขาวกับลิ้นแดง (ที่ปักชื่อ Brooklyn ลูกชายของเขาไว้บนนั้น ซึ่งเป็นเรื่องใหม่เพราะโลกยังไม่รู้จักการ Personalisation เลย) ทำเอาเด็กผู้ชายทั่วโลกคลั่งไคล้อยากจะได้ Predator มาใส่ไว้ปั่นฟรีคิกเท่ๆ แบบเบ็คแฮมบ้าง

 

โดยเบ็คแฮมในช่วงนั้นถือเป็นช่วงพีคด้วยฝีเท้า ประสบการณ์ และออร่าซูเปอร์สตาร์ โดยเฉพาะหลังการนำอังกฤษเข้ารอบสุดท้ายได้จากฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ในเกมกับกรีซแล้ว (ตอนนั้นใส่รุ่น Predator Precision) ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจไอคอนในระดับโลก

 

ปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้นี้ได้รับการเรียกกันเล่นๆว่า “Beckham Mania” ซึ่งส่งผลอย่างมากมายมหาศาล ที่ adidas ได้แต่ยิ้มกว้าง

 

เพราะถึงแม้ว่าทีมชาติอังกฤษของเบ็คแฮมจะพ่ายแพ้เสียที (และเสียท่า) ให้กับบราซิล และฟรีคิกลักไก่ในระดับตำนานของโรนัลดินโญ แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมาจากกระแสที่เกิดขึ้นตลอดรายการ

 

โดยเฉพาะการเปิดตลาดในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยที่ adidas พยายามที่จะทำการตลาดอย่างเข้าใจในธรรมชาติของชาวเอเชียอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

 

ตัวเลขที่น่าสนใจคือ adidas ใช้งบประมาณในการโปรโมตช่วงฟุตบอลโลก 2002 สูงถึง 25 ล้านปอนด์ โดยนอกจากการเป็นสปอนเซอร์ให้เบ็คแฮมแล้วยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับซูเปอร์สตาร์อีกหลายคน รวมถึงซีเนอดีน ซีดานและอเลสซานโดร เดล ปิเอโร

 

10 จาก 32 ทีมในฟุตบอลโลกครั้งนั้นยังใช้เสื้อผ้าชุดแข่งของ adidas อยู่เลยในแคมเปญใหญ่ “Footballitis” (ขณะที่ Nike มี 8 ทีม)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้คือยอดสั่งสินค้า 11 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดขายนับเฉพาะในทวีปเอเชีย เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 เป็น 177 ล้านปอนด์ และเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้แบรนด์ติดตลาดมาจนถึงทุกวันนี้

 

นอกจากตำนานทรงผมไดโกโระของโรนัลโด ในนัดชิงชนะเลิศ การเข้ารอบตัดเชือกแบบน่ากังขาของเกาหลีใต้ ด้วยชัยชนะเหนือสเปนและอิตาลี รวมถึงอีกมากมายหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

รองเท้า Predator Mania สีแชมเปญของเบ็คแฮม ยังเป็นหนึ่งในรุ่นสุด Iconic ที่แฟนฟุตบอลจดจำได้มากที่สุดจากฟุตบอลโลก 2002 ที่ไม่ว่าจะมีการผลิตใหม่ (รีเมค) อีกกี่ครั้งก็ยังเป็นที่ต้องการของแฟนฟุตบอลเสมอ

 

นี่คือชัยชนะที่สำคัญที่สุดของ adidas

 

ไม่ใช่ชนะแค่ในเกม

 

แต่ชนะในใจคน และยังคงติดตรึงในความทรงจำจนถึงทุกวันนี้

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising