×

เจาะเบื้องลึก ทำไมสินค้าหลายแบรนด์เลือกใช้ ‘บิวกิ้น’ เป็นพรีเซนเตอร์ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน โดยไม่หวั่นแม้อาจถูกมองว่าซ้ำก็ตาม

31.05.2023
  • LOADING...
บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล

ล้วงลึกความร้อนแรงของ บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่นับวันยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเซเลบริตี้ระดับท็อปเทียร์ไปแล้ว หลังแบรนด์สินค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างดึงตัวมานั่งเป็นพรีเซนเตอร์เสริมทัพให้กับแบรนด์ และปัจจุบันคาดว่ามีค่าตัวสูงถึง 7-10 ล้านบาทเลยทีเดียว

 

หากสังเกตจะเห็นว่าปัจจุบันบิวกิ้นเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น AP Thailand, Lancôme, OPPO, น้ำดื่มสิงห์, เมืองไทยประกันชีวิต, รถจักรยานยนต์ Scoopy ไปจนถึงไข่ต้มซีพี, ชานมไข่มุกโอฉะซัง, เครื่องดื่ม Vitto-C และผลิตภัณฑ์เลย์ สิ่งที่น่าสนใจคือ ทำไมหลายๆ แบรนด์ถึงสนใจในตัวบิวกิ้น 

 

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI GROUP ฉายภาพกับ THE STANDARD WEALTH ว่า แบรนด์สินค้ายังให้ความสำคัญกับการใช้งบการตลาดผ่านกลยุทธ์พรีเซนเตอร์ ที่นอกจากจะสื่อสารภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์แล้ว ยังช่วยทำยอดขายได้ด้วย และช่วงหลังๆ ในบางแบรนด์ก็มองหาตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีฐานแฟนคลับตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าที่ต้องการดึงทั้งคนไทยและต่างชาติ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ผลงานการแสดง ภาพลักษณ์ และฐานแฟนคลับ เหตุผลหลักที่เลือกบิวกิ้น

 

นี่เป็นเหตุผลให้หลายๆ แบรนด์เลือกบิวกิ้นเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา บิวกิ้นเริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในฐานะของนักแสดงในวงการบันเทิงไทย โดยเฉพาะในซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ ที่แสดงร่วมกับ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร

 

“ด้วยบทบาทและทักษะการแสดงทำให้บิวกิ้นโดดเด่นขึ้นมา และกลายเป็นกระแสไวรัลไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ” 

 

เรียกได้ว่าแจ้งเกิดมาตั้งแต่ช่วงนั้น จนทำให้บิวกิ้นมีฐานแฟนคลับอย่างกว้างขวาง ทั้งกลุ่มสายวายและไม่ใช่สายวาย ใครๆ ก็ต่างชอบบิวกิ้น

 

ยิ่งไปกว่านั้น ภาพลักษณ์ของบิวกิ้นเป็นคนรุ่นใหม่ ด้วยอายุ 24 ปีถือว่ายังน้อย แบ็กกราวด์คือครอบครัวมีฐานะร่ำรวย การศึกษาดี สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมที่ดีไปด้วย ไม่ว่าบิวกิ้นจะหยิบจับหรือขับรถยี่ห้ออะไรก็เป็นกระแสไปหมด 

 

ความเคลื่อนไหวของบิวกิ้นสร้างมูลค่าและยอดขายให้กับแบรนด์สินค้าได้ดี

 

หากเจาะลึกลงไปถึงค่าตัวบิวกิ้น คาดว่ามีค่าตัวอยู่ที่ 7-8 หลัก หรือราวๆ 7-10 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์สินค้า ตลาด และคู่แข่ง ยิ่งตลาดแข่งขันกันสูง ค่าจ้างก็จะสูงตามไปด้วย ส่วนระยะสัญญาปัจจุบันอยู่ที่ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี 

 

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากแฟนคลับบิวกิ้นจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์แล้ว แบรนด์ต่างๆ ยังมองไปถึงระยะยาวว่า ความเคลื่อนไหวของบิวกิ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวซิงเกิลเพลงใหม่ๆ รวมไปถึงการเตรียมออกอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก แบรนด์ก็จะได้อานิสงส์ในแง่ของการสร้างมูลค่าและยอดขายให้กับสินค้าได้ 

 

และในที่สุดก็จะสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทย โดยเฉพาะชาวจีนและเวียดนามที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ ต่างก็ชื่นชอบบิวกิ้น และเมื่อเห็นหน้าบิวกิ้นอยู่บนสินค้าก็สามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างรวดเร็ว

 

เพราะบิวกิ้นเป็น Safe Zone ในการตัดสินใจ

 

สอดคล้องกับ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตรปริญญาโทด้านแบรนด์และการตลาด ผู้ช่วยอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าให้ THE STANDARD WEALTH ฟังว่า ปัจจัยสำคัญที่หลายๆ แบรนด์เลือกบิวกิ้นเป็นพรีเซนเตอร์พร้อมกัน นอกจากภาพลักษณ์และความสามารถที่มีหลากหลาย ทั้งด้านการแสดงและร้องเพลง ก็เป็นเรื่องของการแข่งขัน คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันมักมองเพียงคู่แข่งตัวเองที่ต้องมีการใช้พรีเซนเตอร์คนที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมากเข้ามาช่วยสร้างยอดขาย

 

เรียกได้ว่าไม่ว่าอุตสาหกรรมไหนก็ต่างใช้บิวกิ้นกันหมด ถ้าเทียบกับที่ผ่านมา คนที่ถูกเลือกเป็นพรีเซนเตอร์มากที่สุดคือ เบลล่า-ราณี แคมเปน ที่มีสินค้าตั้งแต่ยาสีฟันไปจนถึงเครื่องสำอาง สิ่งสำคัญคือแบรนด์เหล่านั้นไม่ได้ตระหนักว่าลูกค้าไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียว ซึ่งลูกค้าอาจมองว่า ‘ซ้ำ’ หรือสร้างความสับสนได้

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่แบรนด์เลือกบิวกิ้น เพราะบิวกิ้นเป็น Safe Zone ในการตัดสินใจ บิวกิ้นเป็นคนที่มีภาพลักษณ์ดี ไม่มีข่าวในเชิงลบ มีความสามารถล้นหลาม หน้าตาดี คนจำได้ พูดชื่อแล้วผู้ใหญ่หลายคนรู้จัก และการตัดสินใจใช้งบพรีเซนเตอร์ค่อนข้างสูง จะต้องให้ผู้บริหารระดับสูงตัดสินใจ พอเสนอชื่อบิวกิ้น ผู้บริหารก็รู้จักและตัดสินใจอนุมัติทันที

 

ศิลปินระดับท็อปสร้างอิมแพ็กให้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล

 

ปัจจุบันตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคมีการแข่งขันสูง การใช้พรีเซนเตอร์นับว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดอีกรูปแบบหนึ่งที่ในหลายๆ ธุรกิจมักจะเลือกใช้ เพื่อสร้างการรู้จักในวงกว้าง กระตุ้นการส่งเสริมการขาย และสร้างภาพลักษณ์ของสินค้านั้นๆ และบางทีก็รวมไปถึงภาพลักษณ์ของตัวองค์กรด้วย 

 

ในอดีตการใช้พรีเซนเตอร์ส่วนมากก็จะมีแต่เพียงดารา นักแสดงที่ถูกจ้าง แต่ปัจจุบันเริ่มมีนักร้องเข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์ และมีหลายระดับ มีตั้งแต่ระดับตัวท็อปไปจนถึงนาโนอินฟลูเอนเซอร์ ก็คือระดับตัวจิ๋ว

 

ซึ่งในช่วงหลังๆ จะเห็นว่าพรีเซนเตอร์จะมีความผูกติดกับสินค้ามากขึ้น และมีกิจกรรม ทั้งออกโฆษณา ออกอีเวนท์ตามพื้นที่ต่างๆ ช่วยโปรโมตสินค้า ทำให้เม็ดเงินของงบการตลาดสูงขึ้นไปด้วย

 

แน่นอนว่าในบางองค์กรเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่มีการจ้างพรีเซนเตอร์มาช่วยทำกิจกรรมการตลาดให้เกิดยอดขาย ยกตัวอย่างเช่น CPF ผู้ผลิตและจำหน่ายไส้กรอกแบรนด์ซีพี ที่ดึง แบมแบม GOT7 มาเป็นพรีเซนเตอร์ในแคมเปญ ‘ไส้กรอกยังไงก็ต้อง CP’ มาพร้อมกับการประกวดเต้น ซึ่งสามารถสร้างการตอบรับให้เกิดอิมแพ็กได้มาก ประกอบกับการตอบรับจากฐานแฟนคลับที่มีหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

 

เช่นเดียวกับรองเท้าแตะ Kito ที่ได้ เป๊ก ผลิตโชค มาเป็นพรีเซนเตอร์รองเท้าคอลเล็กชันใหม่ พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องยอมรับว่าคนทั่วไปอาจจะรู้จักแบรนด์อยู่บ้าง แต่เมื่อมีเป๊กมาใส่รองเท้า สิ่งที่ตามมาคือฐานแฟนคลับเริ่มรักแบรนด์ และนำแบรนด์ไปบอกต่อ เรียกว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ

 

ไม่เว้นแม้แค่ค่ายรถยนต์ระดับโลกอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์ Toyota Yaris Ativ และดึง แบมแบม GOT7 มาเป็นพรีเซนเตอร์ สร้างยอดขายถล่มทลายมากกว่าที่โตโยต้าคาดการณ์เอาไว้ หรือแม้แต่กลุ่ม True และยาสีฟัน DENTISTE’ ที่เลือกใช้ ลิซ่า BLACKPINK ซึ่งเป็นศิลปินระดับท็อปที่สร้างอิมแพ็กให้กับแบรนด์ได้อย่างมหาศาล

 

แม้ค่าตัวศิลปินระดับท็อปหรือระดับโลกอาจสูงไปถึงระดับ 100 ล้าน แต่ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่แบรนด์ได้รับกลับมา แต่หากเป็นทั้งดาราและศิลปินระดับตัวท็อปที่มีชื่อเสียงโด่งดังอาจอยู่ที่ราว 5-10 ล้านบาท ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในงบโฆษณาและกิจกรรมกับแฟนคลับแล้ว 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising