×

ดร.เศรษฐพุฒิห่วง ‘เสถียรภาพการคลัง’ มองไทยเสี่ยงถูกดาวน์เกรด หวั่นลุกลามไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจ

16.09.2025
  • LOADING...

 

ดร.เศรษฐพุฒิ ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ให้ความเห็นต่อ ‘นโยบายการคลัง’ ทิ้งท้ายก่อนครบวาระ หลังจากถูกกระทรวงการคลังร้องขอให้ปรับเปลี่ยน ‘นโยบายการเงิน’ หลายครั้งโดยระบุว่า ห่วง ‘เสถียรภาพการคลัง’ ไทย หลังพบรายได้โตไม่ทันรายจ่าย เสี่ยงถูกดาวน์เกรดอันดับความน่าเชื่อถือ หากไม่มีแผนระยะยาวที่ชัดเจน มองแผนการคลังระยะปานกลาง ตั้งสมมติฐานไม่สอดคล้องความเป็นจริงในอดีต

 

วันนี้ (16 กันยายน) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานผู้ว่าการพบสื่อมวลชน (Meet the Press) ครั้งที่ 2 ของปี 2568 โดยระบุว่า โดยระบุว่า การคลังของไทยไม่ได้แข็งแรงเหมือนก่อน เนื่องจากช่วงโควิด ไทยต้องใช้ทรัพยากรทางการคลังเยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกประเทศทำกัน เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่อยากเห็นต่อจากนี้คือ “หลังจากใช้ลูกกระสุนการคลังไปเยอะในช่วงโควิด ก็ควรมีการรัดเข็มขัด (Fiscal Consolidation) เพื่อให้ฐานะการคลังกลับมา และเพื่อทำให้เสถียรภาพการคลังประเทศในระยะปานกลางให้สูงขึ้น ซึ่งตอนนี้ ยังไม่ค่อยเห็น”

 

รายได้โตไม่ทันรายจ่าย หนี้สาธารณะแนวโน้มพุ่ง จ่อกระทบเครดิตเรตติ้ง

 

ดร.เศรษฐพุฒิ ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความน่าเป็นห่วงของสถานการณ์การคลัง โดยชี้ว่า ไทยกำลังเผชิญ ‘ภาวะรายได้รัฐบาลโตไม่ทันรายจ่ายที่เร่งขึ้น’ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 -2567) รายจ่ายรัฐบาลก็เร่งขึ้นเฉลี่ย 4% ต่อปี ส่วนรายได้รัฐบาลเพิ่มขึ้นเพียง 1.7% ต่อปี

 

“ในช่วงที่ไทยเกิดวิกฤต รายจ่ายรัฐบาลก็เร่งขึ้น รายได้รัฐบาลก็ลดลง การขาดดุลและหนี้สาธารณะจึงเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ แนวโน้มในอนาคต (Trend) ถ้าเราปล่อยทุกอย่างไปตามแนวโน้มปัจจุบัน จะกระทบความยั่งยืนทางการคลัง” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

 

downside risk

 

ผู้ว่าฯ ธปท. ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่สถาบันจัดอันดับเครดิต (Credit Rating) ต่างๆ อย่างจะเห็นคือ หนี้สาธารณะแม้เพิ่มขึ้นได้ แต่ก็ควรลดลง อย่างไรก็ตาม ตามประมาณการในแผนการคลังระยะปานกลาง (Medium Term Fiscal Framework) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่ นอกจากนี้ สมมติฐานที่ใส่ไปยังมองว่า รายจ่ายจะชะลอตัวลง แต่รายได้จะเพิ่มขึ้น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต จึงเป็นที่มาว่า ทำไมว่า Credit Rating ถึงเตือนเรา

 

“ตอนนี้อย่างที่ทราบกันดีว่า Moody’s ได้ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อของไทย (Outlook) ลง ดังนั้นโอกาสที่ไทยจะถูก ‘ดาวน์เกรด’ อันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) จะมีอยู่แล้ว” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

 

ย้ำ ‘การคลัง’ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

 

ผู้ว่าฯ ธปท. แนะว่า ไทยต้องทำให้มั่นใจและแสดงให้เห็นภาพว่า การคลังไทยจะมีเส้นทาง (Path) นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่า การรัดเข็มขัดทางการคลัง (Fiscal Consolidation) เนื่องจาก เสถียรภาพการคลังเป็นเรื่องสำคัญ และพื้นฐานของทุกอย่าง

 

“ผมขอย้ำว่า ผมไม่ได้หมายความว่า ตอนนี้เราจะเกิดวิกฤตทางการคลัง โดยถ้าดูอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย อยู่ที่ 1.5% เท่านั้นจากก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่ 1.2% โดย 1.5% ก็ถือว่า ไม่ใช่อัตราที่สูงจนน่ากลัว”

 

พร้อมเตือนว่า วิกฤตเศรษฐกิจมักเกิดจาก 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ (1.) การคลัง (2.) ดุลชำระเงินและค่าเงิน (3.) หนี้ภาคธนาคาร ซึ่งถ้าดูตอนนี้ข้อ 2 และ 3 ในภาพรวมยังดูโอเค แต่ที่ต้องใส่ใจพิเศษตอนนี้ คือ การคลัง ก็เลยเป็นการบ้านของผู้ที่จะมาดูแลคนต่อไป ให้ดูแลเสถียรภาพทางการคลัง

 

“ผมเข้าใจว่า การใช้มาตรการทางการคลังมีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ลูกกระสุนทางการคลังตอนนี้ เรามีจำกัด ถ้าใช้เยอะเกินไป โดยไม่มีแผนระยะยาว ก็เสี่ยงอาจนำไปสู่การดาวน์เกรด” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising