วันนี้ (27 สิงหาคม) พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลคืบหน้าการดำเนินคดี วรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจได้ทำความเห็นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการในเรื่องต่างๆ ไปแล้ว โดยผลการสอบสวนย้ำว่ามีตำรวจเข้าข่ายความผิดรวม 21 นาย เป็นตำรวจชุดเดิม 11 นาย และชุดใหม่อีก 10 นายที่พบความบกพร่อง แต่ไม่ถึงขั้นผิดวินัยร้ายแรง ในจำนวนนี้มีอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 2 นาย เข้าข่ายบกพร่อง ไม่ควบคุมสั่งการให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการจะเอาผิดกับอดีตตำรวจ ยอมรับว่าหากเข้าข่ายความผิดทางอาญาก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากเป็นความผิดทางวินัยก็ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่จะเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขต่อไป ส่วนจะมีใครต้องรับโทษอย่างไรบ้าง ต้องรอผลการสอบสวนของจเรตำรวจพิจารณาก่อน
ส่วนเรื่องผลการสอบสวนพยานใหม่ตามคำสั่งของอัยการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อสอบพยานความเร็ว 4 ปาก และพยานเกี่ยวกับผลการตรวจสารเสพติด 4 ปากครบทั้งหมดแล้ว ไม่เกินสัปดาห์หน้าจะสามารถส่งสำนวนให้อัยการรับไปพิจารณาได้ ส่วนผลความเร็วที่เป็นที่สนใจของสังคม ในส่วนของตำรวจยังยืนยันใช้ผลการคำนวณของกองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลัก ส่วนผลการสอบเรื่องการคำนวณความเร็ว พบว่ามีความแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้ง 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผลคำนวณทั้งหมดเกินกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนดแน่นอน ทั้งนี้ยังระบุด้วยว่าเรื่องการทำสำนวนในคดีใหม่นี้ คณะกรรมการฯ ไม่ได้นำพยานเดิมที่อยู่ในสำนวนคดีเก่ามาพิจารณาประกอบเป็นคดีใหม่ เพราะเป็นคดีสิ้นสุดไปแล้ว ส่วนการทำสำนวนคดีใหม่จะยึดหลักผลการสอบพยานและเทคโนโลยีแทน
ด้าน พล.ต.ต. วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ระบุว่าเรื่องการออกหมายสากลสีแดง หรือหมายแดง เบื้องต้นพิจารณาแล้วว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดี และคดีมีอัตราโทษเกิน 2 ปี ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์รับดำเนินการได้ เหลือเพียงรอผลคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการ เพื่อนำไปประสานให้องค์การตำรวจสากลพิจารณาออกหมายจับต่อไปได้
ทั้งนี้มี รายงานข่าวว่าสำนวนคดีของวรยุทธ ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อจะส่งให้อัยการพิจารณาได้ทันในวันพรุ่งนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์