กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC เมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาโยนความกดดันไปหาเขา หลังเพิกเฉยและไม่ได้แบนการใช้งานอุปกรณ์โครงข่าย 5G ของ Huawei
นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรกล่าวว่า “พลเมืองชาวสหราชอาณาจักรควรจะได้ใช้งานเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ถ้าพวกเขาต่อต้านแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง พวกเขาก็ต้องบอกเราถึงทางเลือกอื่นๆ ที่มีด้วย
“เอาให้ชัดเจนเลยนะ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรที่วางโครงสร้างพื้นฐานใดๆ ของประเทศแล้วนำไปสู่ความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติ หรือความสามารถของเราในการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านหน่วยข่าวกรอง Five Eyes หรอกนะ (ออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา)”
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะผู้แทนอาวุโสจากสหรัฐอเมริกา นำโดย แมทธิว พ็อตทิงเกอร์ รองที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ เพิ่งเดินทางมาพบคณะรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรในกรุงลอนดอน ก่อนจะออกปากเตือนว่าการใช้งานอุปกรณ์ของ Huawei แทบจะไม่ต่างอะไรจาก ‘ความบ้าคลั่ง’ เนื่องจากมีหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่าเทคโนโลยีของบริษัทจากจีนรายนี้มีผลกับความมั่นคงของชาติ
ในประเด็นเดียวกันนี้ โฆษกของ Huawei ยังได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาของพ็อตทิงเกอร์ โดยบอกว่าบริษัทของพวกเขาเป็นหน่วยงานเอกชนที่ได้ทำธุรกิจจัดหาอุปกรณ์ 3G และ 4G ให้กับบริษัทโทรคมนาคมในสหราชอาณาจักรมายาวนานต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 15 ปี และผู้เชี่ยวชาญในสหราชอาณาจักรก็สรุปแล้วว่าเทคโนโลยีของ Huawei ไม่มีผลกับความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด
ไม่นานมานี้ Huawei เพิ่งจะเปิดเผยแผนการสำคัญของบริษัทว่าเตรียมจะสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ 5G ขนาดใหญ่ในยุโรป เพื่อสานสัมพันธ์ความร่วมมือกับประเทศในยุโรปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจากตลาดในยุโรปนับรวมเป็นอีกหนึ่งพื้นที่กลยุทธ์สำคัญที่ Huawei สามารถทำตลาดและสร้างความมั่นใจจากผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีโดยไร้อุปสรรคและความบาดหมางในประเด็นการเมือง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
