บอริส จอห์นสัน แถลงป้องที่ปรึกษาตัวเอง หลังถูกโจมตีหนักเหตุเดินทางกว่า 400 กม. ฝ่าล็อกดาวน์หวังฝากเลี้ยงลูก

เป็นประเด็นขึ้นพาดหัวสื่อใหญ่แทบทุกสำนักในสหราชอาณาจักร หลัง โดมินิก คัมมิงส์ ที่ปรึกษาอาวุโสของนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ถูกกล่าวหาว่าละเมิดมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล จากกรณีที่เขาเดินทางจากกรุงลอนดอนไปยังบ้านพักที่เมืองเดอรัมเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งไล่เลี่ยกับช่วงที่เขาและภรรยาแสดงอาการป่วยจากโควิด-19 และเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านอย่างเข้มงวดตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา

จากการเรียงลำดับเหตุการณ์ เขาปรากฏตัวครั้งสุดท้ายที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ณ บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิง เมื่อวันที่ 27 มีนาคม โดยมีภาพข่าวที่เขาวิ่งออกมาจากสถานที่ดังกล่าว ต่อมาวันที่ 30 มีนาคม BBC รายงานอ้างแหล่งข่าวจากบ้านเลขที่ 10 ยืนยันว่าคัมมิงส์แสดงอาการป่วยจากโควิด-19 และกำลังอยู่ระหว่างกักตัว และอีกเพียงหนึ่งวันถัดมา มีคำยืนยันจากตำรวจเมืองเดอรัมว่าคัมมิงส์กำลังอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จริง และเจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำถึงแนวปฏิบัติในการกักตัวและการเดินทางที่จำเป็นแล้ว

แต่ทว่ายังมีรายงานจากสื่ออย่าง The Guardian และ Daily Mirror ที่อ้างแหล่งข่าวเป็นครูเกษียณรายหนึ่งว่า ระหว่างการกักตัวที่เมืองเดอรัม ยังพบว่าคัมมิงส์ยังเดินทางไปยังปราสาทบาร์นาร์ดที่อยู่ห่างจากบ้านพักออกไปอีกราว 48 กิโลเมตรในวันที่ 12 เมษายน และแม้ว่าจะมีภาพข่าวว่าเขากลับมาปรากฏตัวที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิงอีกครั้งในวันที่ 14 เมษายน แต่ The Guardian และ Daily Mirror ก็ยังรายงานต่อไปว่า มีพยานที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกรายพบตัวเขาที่เมืองเดอรัมอีกครั้งในวันที่ 19 เมษายน

ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์อย่างหนัก และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็มีผู้สื่อข่าวไปรอถามคัมมิงส์ว่า “ทำไมคุณถึงคิดว่าการเดินทางในระยะ 260 ไมล์ (418 กิโลเมตร) ถึงเหมาะสม ในขณะที่คุณอาจจะมีเชื้อไวรัสโคโรนา” ซึ่งเขาตอบว่า “ผมกระทำอย่างมีเหตุผลและถูกกฎหมาย” และเมื่อถูกถามว่าเขาจะพิจารณาเรื่องตำแหน่งของเขาเองหรือไม่ คำตอบของเขาคือ “ไม่”

ส่วนล่าสุดวานนี้ก็มีแถลงการณ์จากทำเนียบนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า คัมมิงส์ออกเดินทางเพราะกังวลว่าเขาและภรรยาจะไม่สามารถดูแลบุตรชายวัย 4 ขวบได้อย่างเหมาะสม ซึ่งญาติของเขาได้เสนอตัวที่จะช่วยดูแล ดังนั้นเขาจึงไปอาศัยที่บ้านที่อยู่ ‘ใกล้เคียง’ กับบ้านครอบครัวญาติดังกล่าวในเมืองเดอรัม แต่ยังอยู่แยกกัน เพื่อรองรับกรณีต้องอาศัยความช่วยเหลือของญาติอย่างจริงจัง ซึ่งครอบครัวของญาติได้จัดการซื้อของใช้แทนครอบครัวของคัมมิงส์และนำมาวางไว้ให้หน้าบ้าน อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ดังกล่าวปฏิเสธข้อมูลของ The Guardian และ Daily Mirror ที่ระบุว่าพบตัวคัมมิงส์ที่เมืองเดอรัมอีกครั้งในวันที่ 19 เมษายน ว่าไม่เป็นความจริง

ส่วนบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ในสหราชอาณาจักรวานนี้เช่นกัน โดยระบุว่าเขาได้พูดคุยกับคัมมิงส์แล้วเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเชื่อว่าการที่คัมมิงส์และภรรยาเดินทางเพื่อหาวิธีการดูแลลูกอย่างเหมาะสม ในขณะที่พวกเขากำลังจะไม่มีศักยภาพพอจากการป่วยด้วยไวรัสโคโรนา ซึ่งพวกเขาไม่มีทางเลือกนั้น คัมมิงส์ได้ทำตามสัญชาตญาณของคนที่เป็นพ่อ และเขายังเชื่อว่าคัมมิงส์ได้กระทำอย่างรับผิดชอบ ถูกกฎหมาย สุจริต และด้วยความมุ่งมั่นที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัส

ขณะที่เจนนี แฮร์รีส์ รองประธานเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของอังกฤษ ออกมาระบุว่าแนวปฏิบัติทุกอย่างมีองค์ประกอบที่เป็นสามัญสำนึกรวมอยู่ด้วย ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองเด็กและผู้ใหญ่ เธอยังชี้ว่าเรื่องการเดินทางในช่วงล็อกดาวน์อาจเป็นเรื่องที่อธิบายได้หากมี ‘ความเสี่ยงสูงต่อชีวิต’

แต่เรื่องนี้ทำให้พรรคฝ่ายค้านออกมาโจมตีอย่างหนัก โดยพรรคเลเบอร์ยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีนี้อย่างเร่งด่วน เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคเลเบอร์ออกมาระบุว่า การตัดสินใจของจอห์นสันที่ไม่ดำเนินการใดๆ กับคัมมิงส์ถือเป็นการดูถูกความเสียสละของชาวอังกฤษ และก่อนหน้านี้ราเชล รีฟส์ ส.ส. จากพรรคเลเบอร์ก็ออกมาระบุว่า ชาวอังกฤษไม่ได้คาดหวังให้มีกฎอย่างหนึ่งไว้ใช้กับพวกเขา และกฎอีกอย่างหนึ่งไว้ใช้กับที่ปรึกษาอาวุโสของนายกรัฐมนตรี

ส่วน นิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีของสกอตแลนด์ ซึ่งเคยเป็นผู้อนุมัติการลาออกของประธานเจ้าหน้าที่การแพทย์ของสกอตแลนด์ เหตุเพราะไปฝ่าฝืนคำสั่งล็อกดาวน์ไปเยี่ยมบ้านหลังที่สองของตัวเอง ก็ออกมาบอกว่าจอห์นสันและคัมมิงส์ควรปฏิบัติแบบเดียวกันกับที่เธอและบุคลากรของเธอทำ

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย จากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum