วันนี้ (19 พฤษภาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกแนวทางให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดยกระดับความเข้มงวดการเข้า-ออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเสริมความเข้มงวดให้กับนโยบายปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด การจัดระเบียบสังคม โดยให้มีการรายงานผลทุกวันที่ 28 ของเดือน โดยทุกจังหวัดได้ขับเคลื่อนตามข้อสั่งการของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอย่างเข้มข้น
ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รวบรวมผลการดำเนินงานในแต่ละด้าน พบว่าในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม 2568 ในส่วนที่เกี่ยวกับป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ฝ่ายปกครองได้บูรณาการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 11.38 ล้านเม็ด และยาไอซ์กว่า 1.71 ตัน สามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกว่า 200 ล้านบาท นำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัด 7,125 ราย คิดเป็นร้อยละ 63.54 ของผู้ขอรับการช่วยเหลือ
ในการนี้ ได้กำชับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทห้ามยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งมีการสุ่มตรวจสารเสพติดในร่างกายของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินการที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบสังคม ฝ่ายปกครองดำเนินการตรวจสอบสถานบริการ สถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ พื้นที่รอบสถานศึกษา 856 ครั้ง และตรวจซ้ำในพื้นที่เสี่ยงไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 ครั้ง ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
รวมถึงการควบคุมการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย จับกุมผู้กระทำผิดได้ 180 ราย ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการพนัน 413 ราย เฝ้าระวังการค้ามนุษย์ ผ่านการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนแรงงานต่างด้าว ได้จับกุมผู้ที่เดินทางเข้าและอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ได้อนุญาต 390 ราย จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 186 ราย
ในส่วนของการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง นำข้อมูลผู้มีอิทธิพลที่ได้สำรวจ ทำการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ กลั่นกรอง และยังได้จัดทำข้อมูลผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอกำหนดมาตรการดูแลเป็นพิเศษ
ไตรศุลีกล่าวว่า เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการดำเนินงานอนุทิน ได้กำชับให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ประสานกลไกของ อปท. ยังคงระดับความเข้มงวดในการเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงกำหนดมาตรการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขในจุดที่พบเป็นปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินการในระยะที่ผ่านมา เพื่อประสิทธิผลของนโยบาย นำมาซึ่งความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน