ศาลสูงสุดบราซิลตัดสินโทษ ฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล สั่งจำคุก 27 ปี 3 เดือน โดยมีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหาร เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจต่อไป หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับ ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน เมื่อปี 2022
คำตัดสินนี้ถือเป็นการประณามอย่างรุนแรงต่อผู้นำประชานิยมขวาจัดที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของโลก ผู้ซึ่งได้รับฉายา ‘ทรัมป์แห่งบราซิล’ และทำให้โบลโซนารู วัย 70 ปี เป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของบราซิลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานโจมตีประชาธิปไตย
คณะผู้พิพากษา 4 ใน 5 คนของศาลฎีกาบราซิลลงคะแนนเสียงให้เขามีความผิด โดย คาร์เมน ลูเซีย หนึ่งในผู้พิพากษาที่ตัดสินลงโทษโบลโซนารูชี้ว่า เขาได้จุดชนวน ‘การก่อจลาจล’ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2023 ซึ่งผู้สนับสนุนของเขาหลายพันคนได้บุกทำลายศาลฎีกา ทำเนียบประธานาธิบดี และรัฐสภา
นอกจากความผิดฐานพยายามก่อรัฐประหาร และพยายามล้มล้างประชาธิปไตยด้วยความรุนแรงแล้ว โบลโซนารูยังมีความผิดฐานเข้าร่วมและชักนำองค์กรอาชญากรรมติดอาวุธ รวมถึงทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลและมรดกทางวัฒนธรรมของบราซิล ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้มีโทษร้ายแรงและอาจมีโทษจำคุกสูงสุดรวมกันได้มากกว่า 40 ปี
ทางด้าน โบลโซนารู ยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองเสมอมา และเรียกการพิจารณาคดีนี้ว่า ‘การล่าแม่มด’ โดยอ้างว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองแอบแฝง ซึ่งหนึ่งเสียงในคณะผู้พิพากษาที่ตัดสินให้เขาพ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหานั้น อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทีมทนายความของ โบลโซนารู จะใช้ต่อสู้ในทางกฎหมายต่อในอนาคต
อัยการบราซิลกล่าวว่าโบลโซนารูเริ่มวางแผนที่จะอยู่ในอำนาจมานานแล้ว ก่อนเหตุการณ์วันที่ 8 มกราคม 2023 โดยเสนอการก่อรัฐประหารต่อผู้บัญชาการทหารบราซิล และสร้างข้อสงสัยที่ ‘ไม่มีมูลความจริง’ เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง อัยการยังกล่าวอีกว่าเขารู้ถึง ‘แผนการลอบสังหารลูลา’ อีกด้วย
โบลโซนารูถูกห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจนถึงปี 2030 เนื่องจากกล่าวอ้างเท็จว่าระบบการลงคะแนนเสียงของบราซิล ‘เสี่ยงต่อการฉ้อโกง’ อย่างไรก็ตามเขาเน้นย้ำจุดยืนอย่างชัดเจนและประกาศความตั้งใจที่จะต่อสู้กับคำสั่งห้ามดังกล่าว เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลอีกครั้งในปี 2026
ภาพ: Andressa Anholete / Getty Images
อ้างอิง: