เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ทางการโบลิเวียเปิดเผยว่า สถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ทั่วประเทศยังคงน่ากังวล คาดมีพื้นที่ป่าถูกเผาทำลายไปแล้วกว่า 1.7 ล้านเฮกตาร์ (ราว 17,000 ตารางกิโลเมตร) รัฐบาลทุ่มงบประมาณกว่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 336 ล้านบาท) จัดการแก้ไขวิกฤตไฟป่าในครั้งนี้ โดยโบลิเวียถือเป็น 1 ใน 9 ประเทศในแถบตอนเหนือของอเมริกาใต้ที่มีผืนป่าแอมะซอนตั้งอยู่
ฝ่ายนักอนุรักษ์กล่าวโจมตีว่า วิกฤตไฟป่าในครั้งนี้เป็นผลกระทบจากการผลักดันนโยบายที่เน้นการพัฒนามากกว่าอนุรักษ์ของ ประธานาธิบดีเอโบ โมราเลส ที่สนับสนุนให้เกษตรกรรุกล้ำและขยายพื้นที่ทำกิน เพื่อทำการเกษตรและการปศุสัตว์ ในขณะที่รัฐบาลระบุว่า สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศที่แห้งและกระแสลมที่ทำให้ไฟป่าลุกลามและขยายตัวเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว
สถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติบราซิล (INPE) เผยข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม – 4 กันยายน 2019 โบลิเวียตรวจพบไฟป่าในแอมะซอนกว่า 20,644 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 75% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2018
ในขณะนี้นักดับเพลิง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายทหารมากกว่า 4,000 นาย พร้อมด้วย SuperTanker Boeing 747 ที่สามารถบรรทุกน้ำได้ 75,000 ลิตร กำลังเร่งควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในโบลิเวีย โดยทางการเเจ้งว่า กำลังรอเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถบรรทุกน้ำได้ 16,000 ลิตร อีก 3 ลำ รวมถึงเครื่องบินจากรัสเซียที่สามารถบรรทุกน้ำได้ 50,000 ลิตร อีก 1 ลำ มาสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในครั้งนี้
ภาพ: Pablo Cozzaglio / AFP / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
