เกิดการปะทะระหว่างตำรวจปราบจลาจลของโบลิเวียกับกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีเอโบ โมราเลส ที่ออกมาเดินขบวนประท้วงมุ่งหน้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงลาปาซ เพื่อต่อต้านการแต่งตั้ง จีไนน์ อาเยซ รองประธานวุฒิสภาจากพรรคฝ่ายค้าน วัย 52 ปี ขึ้นเป็นรักษาการประธานาธิบดี หลังจากที่อาเยซประกาศตัวรับตำแหน่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) ท่ามกลางภาวะสุญญากาศทางการเมือง เนื่องจากรองประธานาธิบดี ประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรที่มีสิทธิ์รับตำแหน่งต่างลาออกตามโมราเลสที่ลาออกและลี้ภัยทางการเมืองไปยังเม็กซิโกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (10 พฤศจิกายน)
โดยกลุ่มผู้ประท้วงใช้ท่อนไม้และแท่งเหล็กเป็นอาวุธต่อสู้กับตำรวจ หลายคนตะโกนเรียกร้องให้เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งนอกจากในกรุงลาปาซยังเกิดการประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนโมราเลสในหลายเมือง เช่น เมืองเอล อัลโต และทางตอนเหนือของเมืองเอล ชาปาเร ขณะที่หลายฝ่ายมองว่า ส.ส. ฝ่ายสนับสนุนโมราเลสอยู่เบื้องหลังการประท้วงครั้งนี้
ขณะที่อาเยซได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสมาชิกรัฐสภาและศาลรัฐธรรมนูญให้รับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ซึ่งเธอประกาศต่อรัฐสภาว่าจะจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
ภายหลังการลี้ภัยไปยังเม็กซิโก โมราเลสได้จัดแถลงข่าวในกรุงเม็กซิโกซิตี้ โดยชี้แจงสาเหตุที่ต้องหลบหนี เพราะเชื่อว่าจะถูกรัฐประหารและไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือด ภายหลังประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงต่อต้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 4
การประท้วงยืดเยื้อนานหลายสัปดาห์ เพราะกลุ่มผู้ประท้วงเชื่อว่ากระบวนการเลือกตั้งไม่โปร่งใส และไม่พอใจที่โมราเลสฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญที่จำกัดการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไม่เกิน 3 สมัย ด้วยการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาที่เขาเลือกมา ก่อนที่ศาลจะตัดสินให้เขาลงสมัครชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 4 ได้ ด้วยเหตุผลว่าการห้ามโมราเลสลงสมัครนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่กองทัพโบลิเวียยังคงปกป้องกลุ่มผู้ประท้วงและไม่มีทีท่าจะเข้าข้างรัฐบาล
โมราเลสยังประณามรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ให้การรับรองรัฐบาลโบลิเวียชุดใหม่ภายใต้การนำของอาเยซ ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นรัฐบาลโดยพฤตินัย (De facto Government) ที่แต่งตั้งตัวเอง และยืนยันว่าหากประชาชนเรียกร้อง เขาก็พร้อมที่จะกลับไปยังโบลิเวีย
“ถ้าประชาชนของผมเรียกร้อง ผมพร้อมที่จะกลับไป เราจะกลับไปไม่ช้าก็เร็วเพื่อทำให้โบลิเวียกลับสู่ความสงบ” โมราเลสกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: