BOI ระงับบัตรส่งเสริมลงทุนโรงงานเหล็กจีน ‘ซิน เคอ หยวน’ พบผิดทั้ง พ.ร.บ.โรงงาน-พ.ร.บ.มอก. ป้องกันความเสียหายระหว่างสอบสวนปมตึก สตง. ย้ำจุดยืนปกป้องเหล็กในประเทศ เสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้าง ซัพพลายเชน
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีหนังสือถึงบีโอไอ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 แจ้งว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมฯ และ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีดังกล่าวและมีมติให้เพิกถอนการใช้สิทธิประโยชน์เป็นการชั่วคราว
โดยไม่กระทบกับสิทธิประโยชน์ที่ได้ใช้ไปแล้ว ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตเหล็กแท่ง (Billet) ตามบัตรส่งเสริมเลขที่ 1235(2)/2556 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ จนกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานว่าอนุญาตให้บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตได้ และหากกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเพิกถอนหนังสือรับรองการประกอบกิจการโรงงานแล้ว สำนักงานจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ในระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่นๆ ยังตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายไม่แล้วเสร็จ
“ที่ผ่านมาบีโอไอไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าว โดยได้เข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท ซิน เคอ หยวน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด จากนั้นได้เร่งนัดประชุมร่วมกันระหว่างบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีท่านรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนจัดประชุมบอร์ดบีโอไอในวันนี้เพื่อดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่างๆ กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง” นฤตม์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ยันเฝ้าระวังเหล็ก ‘ใกล้ชิด’
สำหรับประเด็นการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็ก บีโอไอได้ยกเลิกการส่งเสริมเหล็กเส้นสำหรับงานก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น และเหล็กข้ออ้อย มาตั้งแต่ปี 2543 ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ บีโอไอได้เฝ้าระวังและได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับภาวะผลิตภัณฑ์เหล็กล้นตลาด และปัญหาการทุ่มตลาดในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กก่อสร้าง
โดยในปีที่ผ่านมา บอร์ดบีโอไอได้ออกประกาศยกเลิกการส่งเสริมการผลิตเหล็กหลายประเภท เช่น เหล็กแท่ง เหล็กลวด เหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรง อีกทั้งได้ลดสิทธิประโยชน์เหลือเฉพาะสิทธิที่มิใช่ภาษี (Non-Tax) สำหรับกิจการผลิตเหล็กทรงแบน (เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นไร้สนิมรีดร้อนหรือรีดเย็น เหล็กแผ่นหนา เหล็กแผ่นเคลือบ) และกิจการผลิตเหล็กทรงยาว (เหล็กรูปพรรณ เหล็กเพลา ลวดเหล็ก) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศ
ทั้งนี้ บีโอไอย้ำจุดยืนในการส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจการที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเกิดประโยชน์ต่อประเทศ ในด้านต่างๆ เช่น การจ้างงาน การพัฒนาบุคลากรไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนา การเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบในประเทศ การส่งออกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของซัพพลายเชน รวมทั้งการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศ