BNY Mellon ธนาคารเก่าแก่จากสหรัฐฯ ชี้ 70% ของสถาบันการเงินจะลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีถ้ามีสิ่งนี้! พร้อมงานวิจัยจาก BCG บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ ชี้ว่า ตลาด ‘Asset Tokenization’ จะโตอีก 50,000% ภายในปี 2030
BNY Mellon หนึ่งในธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสถาบันการเงินที่มีการเปิดรับต่อคริปโต ได้ชี้ว่า อีกกว่า 70% ของสถาบันการเงินจะเพิ่มการลงทุนในคริปโต หากมีบริการ ‘Custody’ ให้ใช้งานมากกว่านี้ พร้อมงานวิจัยจาก BCG บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก ชี้ว่า ตลาด ‘Asset Tokenization’ จะโตอีก 50,000% ภายในปี 2030
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- ทำไมเหรียญ LUNC ถึงพุ่งกว่า 425% ภายใน 14 วัน? อะไรที่อยู่เบื้องหลังการพุ่งขึ้นครั้งนี้
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
ซึ่ง Custody นั้นคือการให้บริการเก็บรักษาสินทรัพย์แก่ลูกค้า โดยผู้ดูแลรักษาสินทรัพย์ (Custodian) เหล่านั้นจะไม่สามารถนำสินทรัพย์ที่ดูแลไปใช้ประโยชน์ได้
จากงานวิจัย ‘Institutional Investing 2.0’ ของ BNY Mellon ได้ข้อสรุปหลังจากทำแบบสำรวจในกลุ่มสถาบันการเงิน พบว่า นักลงทุนฝั่งสถาบันการเงินกว่า 70% จะเพิ่มกิจกรรมการลงทุนในคริปโต หากมีบริการ Custody มาจากสถาบันที่มีชื่อ และได้รับความไว้วางใจมากขึ้น
โดยกลุ่มตัวอย่างนั้นมาจาก 271 นักลงทุนฝั่งสถาบันการเงินที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 37 ล้านล้านบาท ทั้งกองทุนบำนาญ กองทุนความมั่งคังแห่งชาติ รวมไปถึงเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
เนื่องจากสถาบันการเงินนั้นต่างสนใจในการเข้าไปลงทุนในคริปโตกันเป็นจำนวนมาก แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่ถูกต้องและปลอดภัย มากกว่าการเข้าไปอย่างรวดเร็วเพื่อหวังผลตอบแทนอย่างเดียว
แต่จากงานวิจัยดังกล่าวพบว่า 90% ของสถาบันการเงิน ต่างสนใจที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์แบบ ‘Tokenized Asset’ หรือสินทรัพย์ที่ถูกทำให้อยู่ในรูปโทเคน แม้จะอยู่ในทิศทางตลาดขาลงก็ตาม
และมีระดับถึง 97% ที่มองว่าการทำ ‘Tokenization’ หรือการนำสินทรัพย์ทางการเงินใดๆ มาอยู่ในรูปของโทเคน จะมาปฏิวัติวงการบริหารจัดการเงิน และต่างมองว่าจะเป็นการดีต่ออุตสาหกรรม
ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยจาก BCG บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก และ ADDX บริษัทแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มองว่าโอกาสใน ‘Tokenized Asset’ นั้นกว้างมาก เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวสามารถดึงสภาพคล่องมายังสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่องได้
โดยงานวิจัยของ BCG ชี้ว่า มูลค่าตลาดรวมของ ‘Asset Tokenization’ จะโตมากกว่า 50,000% และมูลค่าตลาดราว 16 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 592 ล้านล้านบาท ภายในปี 2030
นอกจากนี้งานวิจัยยังพบอีกว่า 88% ของสถาบันการเงินนั้นพอใจที่จะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเทียบเท่าเงินสดอย่าง Stablecoin ในขณะเดียวกัน 72% ของกลุ่มตัวอย่างนี้ ยังเรียกร้องหาผู้ให้บริการด้านคริปโตแบบครบวงจรอีกเช่นกัน
อ้างอิง: