×

ปัญ BNK48: ไม่ต้องเป็นไอดอลที่ดี ขอแค่เป็น ‘ปัญ’ ที่ดีก็พอแล้ว

24.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • ปัญ BNK48 เคยเป็นเด็กอ้วนตัวเตี้ยที่แทบไม่เคยแต่งตัวหรือมีรูปสวยๆ แบบเด็กผู้หญิงทั่วไป และชอบใช้เวลาส่วนใหญ่หลังเลิกเรียนในฐานะผู้หญิงคนเดียวในสนามบาส
  • ถึงปัญจะเป็นเด็กกิจกรรมเต็มตัว แต่พอถึงเวลาเรียนปัญก็ตั้งใจ จนสามารถสอบเทียบเข้าระดับมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
  • จริงๆ ปัญไม่ได้มีความฝันอยากเป็นนักร้อง แต่พอได้ไปอยู่ท่ามกลางคนที่มีความฝันอย่างจริงจัง ปัญเริ่มซึมซับความฝันเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง และค้นพบว่าการเป็นสมาชิกวง BNK48 คือสิ่งที่เธอชอบมากที่สุดในตอนนี้
  • ปัญไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นไอดอลที่ดี เพราะสำหรับเธอแค่เป็น ‘ปัญ’ ที่ดีให้ได้ก็พอแล้ว
  • ปัญไม่เคยคิดที่จะมีความรักแบบหนุ่มสาวมาตลอดชีวิต 17 ปีที่ผ่านมา เพราะเชื่อว่าสามารถเติมเต็มความรักจากคนอื่นๆ รอบตัวได้อยู่แล้ว

 

ก่อนหน้านี้ ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ยังตอบไม่ได้ว่าความฝันในอนาคตที่จะต้องมุ่งหน้าไปนั้นอยู่ที่ตรงไหน เธอใช้ชีวิตที่ผ่านมาตามความรู้สึก ศึกษาหาความชอบและไม่ชอบของตัวเองไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรียนบัลเลต์ เปียโน ไวโอลิน เล่นบาสเกตบอล เชียร์ลีดเดอร์ นักแสดง เรียนพิเศษ สอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ฯลฯ โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวว่า เมื่อโอกาสมาถึงเธอจะต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดตอนหลังว่าวันนั้นไม่น่าทำแบบนั้นลงไป

 

กระทั่งล่าสุด เธอเปลี่ยนจาก ด.ญ.ปัญสิกรณ์ หรือ ‘เจ้าปัญ’ ของที่บ้าน กลายเป็น ปัญ BNK48 วงไอดอลสาวที่มาแรงที่สุดในประเทศไทยในเวลานี้ จากบทบาทที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทำให้เธอได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ หลายอย่างจากเพื่อนร่วมวง การทำงานอย่างจริงจัง รวมทั้งความรักจากแฟนคลับหลายหมื่นคนที่คอยสนับสนุน จนตอนนี้เธอสามารถตอบคำถามที่ไม่เคยตอบได้มากก่อนในชีวิตว่า BNK48 คือพื้นที่ที่เธอยืนอยู่แล้วมีความสุขมากที่สุดในตอนนี้

 

ขอบคุณชุดจาก TandT

 

วัยเด็กของเด็กหญิงปัญสิกรณ์

เป็นเด็กอ้วนแก้มใหญ่ๆ ที่ซนมาก ถ้าไปดูรูปตอนเด็กๆ จะไม่มีรูปปัญทำหน้าสวยๆ เลย มีแต่ทำหน้าทะเล้น ไม่ก็ทำท่าเก๊กแบบเด็กผู้ชาย อาจจะเพราะส่วนใหญ่ปัญจะอยู่กับพี่ชาย แล้วชอบเล่นกับเขา เขาชอบอุลตร้าแมนก็ชอบตาม ใส่กางเกงสามส่วนตัวใหญ่ๆ แทบไม่มีชุดสีชมพูเลย

 

แต่ตอนอนุบาลเคยเดินห้างแล้วผ่านชุดบัลเลต์ แล้วบอกคุณแม่ว่าอยากใส่ชุดแบบนี้ แม่ก็เลยพาไปเรียนบัลเลต์ ก่อนจะรู้ตัวว่าไม่น่าพูดแบบนั้นไปเลย (หัวเราะ) แต่คุณแม่อยากให้เรียนต่อเพราะคิดว่าจะทำให้ปัญเรียบร้อยขึ้นได้ ซึ่งสุดท้ายเรียนอยู่หลายปีก็พบว่าไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลย

 

 

เด็กสาวในสนามบาส

พอช่วงที่ย้ายโรงเรียน เดินผ่านสนามบาสแล้วรู้สึกอยากเล่น ทั้งๆ ที่ในนั้นมีแต่ผู้ชายเต็มไปหมดเลย ในขณะที่เพื่อนผู้หญิงคนอื่นเลิกเรียนจะไปหาที่นั่งกินข้าว เมาท์มอยกัน แต่ปัญสิกรณ์จะเดินเข้าสนามบาสทันที (หัวเราะ) จากที่เคยโดนเพื่อนล้อว่าเตี้ย กลายเป็นตอนนี้ปัญสูงกว่าเพื่อนทุกคนที่เคยล้อหมดแล้ว

 

บางทีเหมือนไปเรียนหนังสือเพราะเป้าหมายของเราอยู่ที่สนามบาสมากกว่า (หัวเราะ) ปัญเป็นคนที่ไม่ได้จริงจังกับชีวิตมากถึงขนาดว่าจะต้องเรียนให้ทุกวิชาได้เกรดดีๆ แต่ไม่ถึงขั้นเกเรไม่เรียนหนังสือ เวลาอยู่ในห้องจะตั้งใจเรียนตามปกติ แต่พอออกมาข้างนอกก็ยังสนุกกับการได้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ทั้งการซ้อมเชียร์ การเล่นบาส ฯลฯ ปัญคิดว่าความสำคัญอย่างหนึ่งของการเรียนคือต้องเรียนแล้วมีความสุข แต่ต้องไม่ถึงขนาดสนุกจนต้องเป็นทุกข์ทีหลังเพราะได้คะแนนไม่ดีอะไรแบบนั้น

 

 

ถึงจะบอกว่าไม่ได้ซีเรียสกับการเรียน แต่ปัญสามารถสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

ด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนที่อินกับอะไรมาก จะให้ปัญเรียนหนังสือไปเรื่อยๆ จนจบ ม.6 ตามปกติก็ได้นะ แต่ช่วงนั้นพี่ชายต้องไปเรียนพิเศษเพราะเขาจะสอบเทียบ ช่วงนั้นปิดเทอมพอดี คุณแม่ไม่อยากให้ปัญอยู่บ้านเฉยๆ ก็เลยให้ไปเรียนกับพี่ชายตั้งแต่ ม.1 คิดไว้ว่าจะลงแค่ 3 วิชา (จากทั้งหมด 6 วิชา) คือไปเรียนเหมือนกวดวิชาเพิ่มความรู้เฉยๆ แต่กลายเป็นว่าตอนสอบปัญสอบผ่านทั้ง 3 วิชา เท่ากับว่าเหลืออีก 2 วิชาเราก็จะเรียนจบ ม.6 แล้ว พอขึ้น ม.2 ก็เลยเรียนเพิ่มอีกจนสอบผ่านได้จริงๆ

 

ชีวิตตอนนั้นคือตอนเช้าเรียนที่โรงเรียน พอตกเย็นก็ต้องไปเรียนพิเศษ ไม่ได้เล่นบาส ไม่ได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เคยทำ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไปนะคะ คิดว่าจริงๆ ปัญแค่เป็นคนชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบให้ตัวเองว่าง เพราะฉะนั้นเป็นกิจกรรมอะไรก็ได้ อย่างน้อยเรียนพิเศษถือว่ามีอะไรก็ยังดี

 

‘การเต้น’ ความฝันที่ค่อยๆ ซึมซับจากคนรอบข้าง

จะมีช่วงหนึ่งที่ปัญเห็นพี่ชายไปเรียนเต้นฮิปฮอปแล้วคิดว่าเท่ดี ดูได้ใช้ร่างกายเยอะและมีอิสระมากกว่าการเต้นบัลเลต์ ก็เลยไปเรียนด้วย จากตอนแรกเรียนเพราะความชอบ ความสนุกอย่างเดียว แต่พอได้เรียนเต้นที่สถาบันแห่งหนึ่งที่เด็กทุกคนในนั้นเขามาเรียนเพราะมีความฝันอยากเป็นศิลปินจริงๆ ทุกคนทุ่มเท ตั้งใจ แล้วปัญเหมือนคนที่โอนเอนง่าย สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนแปลงปัญได้เยอะมาก (หัวเราะ) พอเรียนไปสักพักเริ่มคิดว่า ทุกคนเขามีเป้าหมายกันหมดเลย เราเองทำตรงนี้ก็สนุก หรือว่าเราเองก็คงจะชอบด้านนี้จริงๆ ยิ่งอยู่ไปยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีรับสมัครออดิชัน BNK48 เลยลองมาสมัคร แล้วได้เข้ามาจริงๆ

 

อย่างที่บอกว่าปัญเป็นคนที่ไม่ได้มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ แล้วพอได้มาอยู่ในวง BNK48 แล้วได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่รู้สึกว่าเปิดโลกของเรามากๆ ได้ถ่ายแบบ ถ่ายรายการ ได้ฝึกร้อง ฝึกเต้นหลายๆ แบบ คิดว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเราชอบอะไรบ้าง ซึ่งตอนนี้ก็พูดได้ว่า BNK48 คือสิ่งที่ปัญรัก เป็นที่ที่สบายใจเวลาอยู่ตรงนี้ เวลาออกไปทำงานก็ตั้งใจทำให้เต็มที่ในฐานะปัญ BNK48 พอกลับบ้านมาก็ยังเป็นเด็กธรรมดา เป็นเจ้าปัญของที่บ้านเหมือนเดิม

 

 

ไม่ได้คิดว่าจะต้องเป็นไอดอลที่ดี ขอแค่เป็น ‘ปัญ’ ที่ดีก็พอแล้ว

พอได้ยินคำว่าไอดอลจะมีความรู้สึกว่าจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น แต่สำหรับปัญไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น เพราะเวลาเป็นเจ้าปัญตามปกติก็ยังเล่นเป็นเด็กๆ นอนอ้าซ่าอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม พอทำงานเป็น BNK48 ปัญก็ไม่ได้คิดว่าต้องห้ามเป็นเด็ก เราแค่ไม่อยากเป็นเด็กที่งอแง ปัญอยากเป็นคนที่ทำงานด้วยง่าย อย่างน้อยให้คนที่เขาให้โอกาสเรามาทำงานด้วยแล้วสบายใจ ไม่เป็นตัวถ่วงของเขา เพราะฉะนั้นคำว่าไอดอลไม่ได้เป็นกรอบบังคับอะไรสำหรับปัญเลย ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นไอดอลที่ดี คิดว่าเป็นแค่ปัญที่ดีให้ได้ก็พอแล้ว แล้วถ้าจะมีใครสักคนมาชอบเรา ก็ให้เขาชอบที่เราเป็นตัวของเราจริงๆ น่าจะดีกว่าชอบที่เราต้องพยายามเป็นอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง

 

ช่วงที่เข้ามาเป็น BNK48 แรกๆ เคยมีคิดว่าเราจะต้องแต่งตัวแบบไหน ต้องพูดอะไร ต้องทำยังไงคนถึงจะชอบ เคยคิดว่าเป็นไอดอลต้องมีฐานแฟนคลับเยอะๆ เราถึงจะเจ๋ง แต่พออยู่ไปสักพักกลายเป็นรู้สึกว่า จริงๆ แล้วการมีแฟนคลับควรจะเป็นคอมฟอร์ตโซนของเรา เราควรสบายใจเมื่อมีพวกเขาอยู่ ไม่ได้เครียดว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะมาสนับสนุนเรา เพราะฉะนั้นจำนวนไม่ใช่เรื่องสำคัญ เท่ากับการมีคนที่พร้อมจะให้กำลังใจในวันที่เราเหนื่อย ในขณะเดียวกันเราก็สามารถมอบความสุขให้กับเขาได้ไปพร้อมๆ กัน

 

อย่างเวลางานจับมือ ปัญว่ามันเป็นเรื่องดีมากที่อย่างน้อยเวลา 8-10 วินาทีที่เราได้คุยกับแฟนคลับ อาจจะทำให้วันนั้นของเขากลายเป็นวันที่ดีไปเลย หรือบางวันแค่เราเข้าไปอ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม บอกว่าเขามีความสุขมากที่ได้ดูไลฟ์ของเรา ความสุขของเขาก็กลายเป็นความสุขกลับมาที่ตัวเราเองได้เหมือนกัน

 

 

ความน่ารักของแฟนคลับที่หาไม่ได้จากที่ไหน

ความน่ารักอยู่ที่ทุกคนเหมือนเป็นพ่อแม่ของเรา เขามองจากด้านบน แล้วจะทะนุถนอมและพร้อมที่จะปกป้องพวกเรามากๆ ไม่อยากให้ใครมามองพวกเราว่าไม่ดี เขาดูแลพวกเราแบบเกินไปกว่าการที่ชอบกลุ่มเด็กสาวน่ารักๆ มากรี๊ด มาให้เขาเชยชมแล้วก็จบไป เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เขาทำให้เรามันมีความหมายมากๆ

 

เช่น ถ้าเราทำอะไรไม่ดี เขาไม่ได้แค่มาโกรธแล้วบอกว่าห้ามทำอย่างโน้นอย่างนี้นะ แต่เขาจะไปหาสถิติข้อมูลมาวิเคราะห์ให้เราเห็นเลยว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะเป็นแบบนี้นะ อย่างที่บอกว่าเขาไม่ได้แค่ชอบพวกเราเฉยๆ แต่เขาคอยให้กำลังใจและอยากสนับสนุนให้เราพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น เหมือนเวลาพ่อแม่คอยสนับสนุนลูกๆ แบบนั้นเลย

 

ความเครียดบนความสบายที่หลายคนไม่เคยรู้

ปัญจะมีนิสัย 2 อย่างที่ค่อนข้างขัดแย้งกัน อย่างแรกแบบที่หลายคนเห็นกันคือเป็นปัญที่ไม่มีความชอบหรือมีความรู้สึกอะไรมากเป็นพิเศษ เวลามีคนถามความรู้สึกก็จะตอบได้แค่ว่าไม่รู้ หรือยังไงก็ได้ แล้วแต่เลยค่ะ ทำให้เราเป็นคนไม่มีความฝัน หรือไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งเวลาเรามองเห็นที่เขามีเป้าหมายอะไรชัดๆ เราก็จะรู้สึกว่าคนๆ นั้นเท่มาก แค่ไปถ่ายรายการที่ญี่ปุ่น (BNK48 Travel Show เพื่อนร่วมทาง The Journey) กับพี่แจน (เจตสุภา เครือแตง สมาชิก BNK48 อีกคนหนึ่ง) แล้วเขารู้ว่าอยากไปที่ไหนบ้าง ในขณะที่เราไม่รู้อะไรเลย แล้วได้แต่ตามเขาไปเรื่อยๆ เลยรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนนิสัยนี้ให้ได้ แล้วอยากค้นหาความรู้สึกของเราให้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เราชอบจริงๆ ตอนนี้ถือว่าโชคดีที่การเป็น BNK48 คือสิ่งที่ปัญทำแล้วมีความสุขที่สุดในตอนนี้

 

แต่ในความสบายๆ ไม่คิดอะไร ถ้าเป็นเวลาทำงานปัญจะกลายเป็นคนซีเรียสขึ้นมาทันที ไม่ได้เครียดว่าผลลัพธ์นั้นๆ ต้องออกมาดี แต่อย่างน้อยเราต้องทำให้เต็มที่ ปัญไม่ชอบเวลามีความคิดขึ้นมาว่า ไม่น่าทำแบบนั้น หรือเราน่าจะทำให้ดีกว่านั้น ถึงแม้บางอย่างจะไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้คนที่เขาเลือกเราแล้วต้องเสียใจ

 

อย่างตอนที่ไปเล่นเรื่อง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ (ปัญเล่นเป็นสมาชิกของแก๊งดาว 6 แฉก) พูดจริงๆ ว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ชอบการแสดง แต่พี่โมเดลลิ่งที่ปัญเคยไปแคสต์งานเขาหาคนไปงานนี้ไม่ได้ แล้วคุณแม่บอกให้ไป ปัญก็ไป พอไปถึงปัญก็แคสต์เต็มที่เหมือนเดิม พอแคสต์ผ่านก็ไปตั้งใจแสดงเต็มที่ให้งานออกมาดีที่สุด ถึงแม้ว่าเวลามีคนพูดถึงเราจะยังเจ็บจี๊ดอยู่ก็ตาม (หัวเราะ)

 

 

17 ปี ที่ไม่เคยคิดจะมีความรัก

พอพูดเรื่องความรักแล้วไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี (หัวเราะ) เพราะปัญไม่เคยรู้สึกอยากมีความรักแบบต้องเป็นแฟนกันมาก่อนเลยในชีวิต ปัญชอบใช้ชีวิตคนเดียว แล้วมีคนอื่นอยู่ด้วยหลายๆ คนโดยที่ไม่จำเป็นว่าคนนั้นจะต้องเป็นแฟน สำหรับปัญมันดูเป็นการตั้งกรอบไปนิดหนึ่ง แล้วปัญรู้สึกว่าเราสามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนคำว่าแฟนได้หมดเลย ทั้งเพื่อน ครอบครัว แฟนคลับ หรือสิ่งที่เราชอบ

 

การบอกว่าไม่เคยคิดมีความรักแบบแฟน ไม่ได้หมายความความว่าปัญไม่มีความรัก ปัญมีความรักให้กับเพื่อน ให้กับครอบครัว ให้กับ BNK48 ให้กับแฟนคลับทุกคน แต่ยังยินดีกับคนที่มีความรักแบบแฟนทุกคนนะคะ ความรักมีได้หลายรูปแบบ เขาก็มีความรักในแบบของเขา เพียงแค่เรายังไม่อยากมีความรักตรงนั้นในตอนนี้เท่านั้นเอง

FYI
  • ปัญเคยเรียนบัลเลต์ไปจนถึงเกรด 7 ซึ่งขาดอีกเพียงแค่เกรดเดียวเธอจะสามารถเป็นครูสอนบัลเลต์อย่างเป็นการทางการได้แล้ว
  • ในวัย 17 ปี ปัญกำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศที่ Stamford International University
  • ปัญสามารถร้องเพลงและเต้นต่อหน้าคนเยอะๆ บนเวทีได้ แต่จะรู้สึกอายขึ้นมาทันทีถ้าต้องร้องเพลงและเต้นให้กับครอบครัวและคนใกล้ตัวดู และทุกวันนี้ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้ถ้าจะต้องดูคลิปวิดีโอการแสดงที่มีเธออยู่ในนั้นแค่คนเดียว
  • ฉายา ‘คนเด๋อ 2017’ ที่ปัญได้รับจากแฟนคลับไม่ได้มาจากการเต้นผิดบนเวทีอย่างเดียวเท่านั้น เพราะโดยพื้นฐานปัญเป็นคนซุ่มซ่ามที่พร้อมจะทำของในมืออย่างแก้วน้ำและโทรศัพท์ตกได้ตลอดเวลา ขนาดแค่ไปยืนถ่ายรูปเล่นริมระเบียงก็ทำโทรศัพท์ตกลงไปเฉยๆ มาแล้ว
  • เห็นน่ารักๆ แบบนี้ แต่ปัญชอบฟังเพลงร็อก มีวงที่ชอบคือ Slipknot, Linkin Park และ Lomosonic
  • ติดตามความน่ารักของปัญเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Pun BNK48 และอินสตาแกรม @pun.bnk48official
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X