“เราตั้งกรุ๊ปที่ชื่อว่า ไอดอลปลดแอก”
“เราไม่ได้มีอาวุธ ไม่มีอะไรเลย นอกจากตัวเปล่าและเสียง”
“เราโดนวางกันมาอย่างไร เรียนกันมาอย่างไรให้รู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว”
“เราลุกขึ้นยืนเพื่อประชาชนแล้ว เราจะถอยไม่ได้ ต้องลุกขึ้นยืนเพื่อพวกเขาตลอดไป”
“จริงๆ แล้วอำนาจอยู่ในมือของเรา”
ถ้าไม่ยินด้วยหู มองเห็นด้วยตา เราแทบไม่มีทางเชื่อว่านี่คือประโยคส่วนหนึ่งจากบทสนทนาในไลฟ์ของ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ และ ฝ้าย-สุมิตรา ดวงแก้ว สองสมาชิกจากวง BNK48 ที่ชวนกันมาพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติที่มีใจความสำคัญว่า ‘การเมือง’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด (จริงๆ มี วิว-กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ อยู่ด้วย แต่หลุดจากไลฟ์ไปก่อน) ในช่วงประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 13 ตุลาคม 2563
รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ชุลมุนที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจากกรณีที่แกนนำคณะราษฎรถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว, การตั้งกรุ๊ปที่ชื่อ ‘ไอดอลปลดแอก ที่ชวนเพื่อนสมาชิกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น, การ ‘เบิกเนตร’ จากชุดข้อมูลที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน, ประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในเดือน ‘ตุลาคม’ และความรู้สึกเกี่ยวกับการชุมนุมที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้ (14 ตุลาคม 2563)
THE STANDARD POP ได้รวบรวมส่วนหนึ่งของบทสนทนาจากไลฟ์ทั้งหมด เพื่อสรุปและร่วมบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อศิลปิน ‘ไอดอล’ ที่หลายคนติดภาพความน่ารัก ได้ออกมาพูดถึง ‘ประเด็น’ หนักๆ อย่างตรงไปตรงมา ให้ทุกคนได้ร่วมคิดและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเธอไปพร้อมๆ กัน
หมายเหตุ: บทสนาที่เห็นไม่ได้เรียงตามลำดับการพูดคุยทั้งหมด แต่เป็นบทสนทนาที่ผ่านการคัดเลือก เรียบเรียง และสรุปใจความสำคัญจากผู้เขียนอีกทีหนึ่ง
ฝ้าย: ดีใจนะที่มีคนออกมาส่งเสียงมากขึ้น ยินดีที่ทุกคนเบิกเนตรได้ มันไม่ได้สำคัญว่าจะออกมาช้าหรือเร็ว แค่ออกมาก็ดีแล้ว
เจนนิษฐ์: บางคนก็เพิ่งเบิกเนตร หรือเพิ่งหลุดออกมาจากอะไรบางอย่าง เราอยากทำให้การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเป็นเรื่องปกติ
ฝ้าย: เราตั้งกรุ๊ปพิเศษ เธอว่าพูดได้ไหม
เจนนิษฐ์: ได้แหละ เห็นไหมว่าเรายังมีความกลัวอยู่
ฝ้าย: เราตั้งกรุ๊ปที่ชื่อว่า ไอดอลปลดแอก แล้วเชิญชวนสมาชิกเข้ามา
เจนนิษฐ์: จะได้มีการพูดคุย ให้ความรู้ซึ่งกันและกัน
ฝ้าย: จะได้มีเพื่อนคุย
เจนนิษฐ์: วันนี้เมมเบอร์ออกมา (แสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย) หลายคน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฝ่ายไหนแล้ว แต่เป็นเรื่องของการถูกทำร้าย ใครเห็นรูปก็ต้องสะเทือนใจ วิว (กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ – BNK48 รุ่น 2) บอกว่าจะร้องไห้
ฝ้าย: ฉันร้องไห้แล้ว ฉันโกรธมาก คุยกับพี่ทราย (อินทิรา เจริญปุระ) พี่ทรายบอกว่า พี่ก็ร้องไห้จนไม่รู้จะร้องไห้อย่างไรแล้ว สงสารเขามากๆ
เจนนิษฐ์: แต่ขอบคุณพี่ทรายมากๆ ที่เข้าใจเรา บอกเราว่าทำเท่าที่ทำได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง
ฝ้าย: ยังบอกอยู่เลยว่า หนูอยากไปช่วยแจกข้าวจังเลยค่ะ พี่ทรายบอกว่า หยุดก่อน เธอทำหน้าที่ของเธอตรงนี้ให้ดีก่อน
เจนนิษฐ์: หน้าที่ของเรามันไม่สามารถไปนำไปการเรียกร้องสิทธิตรงนั้นได้
เจนนิษฐ์: การเรียกร้องด้วยการประท้วงเป็นเรื่องปกติในต่างประเทศ เพื่อหาข้อตกลง เมื่อเกิดความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่การประท้วงของเราดูเป็นเรื่องใหญ่โต ทั้งที่ประชาชนมีสิทธิประท้วงกันเป็นเรื่องปกติ
ฝ้าย: แล้วเท่าที่ดูม็อบของเราน่ารักมากเลยนะ มีการทำซุ้มกิจกรรมที่มีการให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ
เจนนิษฐ์: มีหลายเรื่องที่ไม่ควรต้องกลัว แต่ถูกปลูกฝังต่อๆ กันมาให้กลัว ซึ่งจริงๆ แล้วอำนาจอยู่ในมือของเรา
ฝ้าย: ประชนชาควรใหญ่ใช่ไหมในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตอนนี้เราก็ยัง
เจนนิษฐ์: เพราะโดนทำให้กลัว
ฝ้าย: แต่พรุ่งนี้ (การชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคม 2563) รู้สึกกังวลนะ
เจนนิษฐ์: มีคนกลัวว่าจะรุนแรงกว่านี้ แต่สำหรับหนูรู้สึกว่าไม่จำเป็น นั่งคุยกันง่ายๆ ไม่ได้เหรอ แต่คงไม่อยากคุยหรอก
ฝ้าย: พวกเราคือประชาชนทั่วไปที่ออกไปชุมนุม เราไม่ได้มีอาวุธ ไม่มีอะไรเลย มีแค่ตัวเปล่าและเสียงของเขา แค่มาเรียกร้องสิ่งที่ทุกคนควรได้รับ ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายใคร เพราะนั่นคือประชาธิปไตย
เจนนิษฐ์: แต่จริงๆ ก็เดือดทั้ง 2 ฝั่ง หนูไม่อยากให้ฝั่งเราไปเหยียดฝั่งเขา เพราะเราคือ 2 กลุ่มที่เห็นต่างกัน แล้วเราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ไม่ได้ไปไล่ให้ใครจากประเทศไทย แกต้องออกไป
ฝ้าย: ประเทศนี้ไม่ใช่ของใคร ประเทศนี้เป็นของเราทุกคน
เจนนิษฐ์: แล้ววันหนึ่งอาจจะพลิกล็อก เรากลายเป็นส่วนน้อยขึ้นมา แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องของประชาธิปไตยเราก็ต้องยอมรับ ตอนนี้เหมือนไม่มีใครยอมรับ ไม่ฟังใช่ไหม งั้นรุนแรงใส่กัน แบบนี้ไม่ดี
ฝ้าย: ที่พี่โพสต์ (ในวันที่ 6 ตุลาคม 2563) ว่าอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต ถ้าไม่ได้เข้าธรรมศาสตร์ก็คงไม่รู้เรื่องเหตุการณ์นั้น
เจนนิษฐ์: ถ้าหนูไม่เข้า BNK48 หนูอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ก็ได้นะ
ฝ้าย: คนที่ไม่รู้ก็คือไม่รู้จริงๆ ตอนเรียนที่ลำพูนสภาพแวดล้อมเราไม่ได้อยู่ในวงจรที่จะเข้าใกล้เรื่องนี้เลย เพราะเรียนในตำราที่เขาให้อ่านเพื่อใช้สอบ ที่ใกล้กับท็อปปิกนี้ที่สุดคือผีลิฟต์แดงที่เคยได้ยินตอนเด็ก แต่ไม่รู้สาเหตุของการฆ่ากันที่ทำให้เกิดผีขึ้นมาคืออะไร นี่คือข้อเสียว่ามันกลายเป็นเรื่องผีเพื่อความบันเทิง ทั้งๆ ที่เบื้องหลังไม่ได้บันเทิงเลย
ตอนปฐมนิเทศเขาจะพาเราไปตรงสนามหญ้าที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ตรงที่ประชาชนถูกฆ่า พอไปนั่งตรงนั้นแล้วเขาเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟังตั้งแต่แรก แล้วเราก็ร้องไห้ออกมาทั้งที่เราไม่เคยสัมผัสที่ตรงนั้น ไม่เคยรู้จักพวกเขามาก่อน
พอเข้ามหาวิทยาลัย เรารู้สึกว่าผีลิฟต์แดงไม่ได้น่ากลัว ผีเราโคตรน่าเคารพ ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย
เจนนิษฐ์: ตอนนี้ดีใจมาก ล่าสุดได้ยินเมมเบอร์คุยกันว่า ตอนแรกไม่คิดว่าต้องมาศึกษาเรื่องการเมือง แต่ไปๆ มาๆ มันต้องรู้ ต้องอ่าน เพราะการเมืองคือเรื่องที่อยู่รอบตัวเรา
ฝ้าย: ที่คุยเรื่องนี้กันช่วงแรกๆ เราไม่กล้าคุยกับใครในวงเลยเนอะ เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นต่างจากเราแล้วกลัวทะเลาะกัน
เจนนิษฐ์: หนูยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่า พี่ฝ้ายออกไปบ่อยเกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวโดน แต่สุดท้ายแล้ว เออ ไปก็ไป (หัวเราะ)
ฝ้าย: เมื่อเราลุกขึ้นยืนเพื่อประชาชนแล้ว เราจะถอยไม่ได้ ต้องลุกขึ้นยืนเพื่อพวกเขาตลอดไป
เจนนิษฐ์: เราโดนวางกันมาอย่างไร เรียนกันมาอย่างไรให้รู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องไกลตัวเนอะ
ฝ้าย: มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากเลยนะ ที่ถูกปลูกฝังมาแบบนี้
เจนนิษฐ์: เห็นคลิปที่เด็กฝรั่งมาพูดเรื่องการเมือง น่ารักมากเลย น้องเด็กมากแต่ทำไมน้องรู้เรื่อง เพราะทุกคนได้รับข้อมูลกันตั้งแต่เด็ก หนูยังต้องอ่านหนังสืออีกเยอะๆ เลย
ฝ้าย: มีเล่มไหนก็เอาแชร์กัน ตอนนี้กำลังจะอ่านเล่มนี้ Animal Farm
เจนนิษฐ์: เรามาลากันเถอะ ได้แต่สวดมนต์ขอให้พรุ่งนี้ไม่มีการปะทะอะไรทั้งนั้น
ฝ้าย: อยากให้หยุด หยุดเถิด อย่าทำร้ายกันอีกเลย
เจนนิษฐ์: ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาในวันนี้เยอะๆ เราไม่ได้มาสร้างความบาดหมางใดๆ เรามาเพื่อปรองดอง สำหรับวันนี้ ดิฉัน เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ
ภาพ: Instagram jennis.bnk48official และ faii.bnk48official
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์