มูลค่าเหรียญ BNB โทเคนที่ออกโดย Binance แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) อันดับ 1 ของโลก ดิ่งลงกว่า 6% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยหากนับรวมสัปดาห์ก่อนหน้าด้วย มูลค่าของเหรียญ BNB ได้ร่วงลงไปแล้วถึง 15% จากความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าการล่มสลายของ FTX อาจส่งผลกระทบต่อ Binance
เหรียญ BNB ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ข้อมูลบนเว็บไซต์ของ Binance ระบุว่า เหรียญ BNB สามารถใช้ซื้อขายสินค้าและบริการ รวมถึงชำระค่าธรรมเนียมบน Binance Smart Chain ได้ ปัจจุบัน BNB ถือเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 5 บนกระดานเทรด ตามหลังเพียง Bitcoin, Ethereum, Tether และ USD Coin เท่านั้น โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Bitcoin Rainbow Chart อัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ ‘1 BTC = 1 BTC’ หลังจากราคาบิทคอยน์ดิ่งลงต่อเนื่อง
- 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Ethereum หลังการอัปเกรดครั้งสำคัญ ‘The Merge’
- เจมี ไดมอน จาก JP Morgan ชี้ สกุลเงินดิจิทัลรวมถึง Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่แบบกระจายอำนาจ
การประกาศล้มละลายและเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ของ FTX ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่เคยมีมูลค่าการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่าผลกระทบอาจลุกลามมาถึงแพลตฟอร์มอันดับ 1 อย่าง Binance ด้วย
Binance เคยเป็นอดีตหนึ่งในผู้ลงทุนใน FTX และได้รับเหรียญ BUSD กับเหรียญ FTT รวมกันเป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ มาจากการขายหุ้นของ FTX เมื่อปีที่แล้ว การเข้าสู่กระบวนการล้มละลายของ FTX จึงทำให้เกิดความกังวลว่าศาลล้มละลายอาจจะมีคำสั่งให้เรียกเงินจำนวนดังกล่าวกลับ หากมองว่า FTX มีการนำเงินของลูกค้าไปใช้ในทางทุจริต
ล่าสุด Changpeng Zhao หรือ ‘CZ’ ซีอีโอของ Binance ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าบริษัทของเขายังมีฐานะการเงินที่โอเคอยู่และจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้
นอกจากความกังวลข้างต้นแล้ว Binance ยังต้องเผชิญกับแรงถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มของนักลงทุน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้มีแรงถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มราว 1.14 พันล้านดอลลาร์ และมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขอาจพุ่งสูงถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ CZ ต้องออกมาทวีตข้อมูลระบุว่า บริษัทยังมีสถานะการเงินที่โอเคอยู่และเคยเผชิญกับการถอนเงินออกที่มูลค่ามากกว่านี้
โดยล่าสุดโฆษกของ Binance ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การที่บริษัทสามารถผ่านบททดสอบดังกล่าวมาได้ สะท้อนว่าบริษัทใช้โมเดลการทำธุรกิจที่เรียบง่าย คือ เก็บรักษาสินทรัพย์ให้ลูกค้าและคิดค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรม โดยไม่มีการนำเงินของลูกค้าไปลงทุนหรือทำธุรกรรมอื่นโดยที่ลูกค้าไม่ยินยอม
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า Mazars Group บริษัทตรวจสอบทางการเงินที่ให้บริการตรวจสอบความเชื่อมั่นในสินทรัพย์แบบ Proof of Reserves (PoR) ของ Binance แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 1 ของโลก ประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ทางการว่าได้ลบการตรวจสอบดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ของตนเรียบร้อยแล้ว
โดยเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Mazars แจ้งต่อสาธารณะว่าได้ยุติการทำงานร่วมกับ Mazars Veritas อย่างสิ้นเชิงแล้ว โดย Mazars Veritas เป็นเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบทางการเงินของแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเบอร์ 1 ของโลกอย่าง Binance เครื่องมือนี้ได้รับการพัฒนาโดย Mazars เพื่อนำความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสมาสู่ภาคสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้งยังใช้เครื่องมือ Silver Sixpence Merkle Tree Generating เพื่อเสริมความถูกต้องของรายงาน Proof of Reserves
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Mazars หยุดตรวจสอบ Proof of Reserves สำหรับบริษัทคริปโตเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงบริษัทตรวจสอบบัญชีอื่นๆ เช่น Armanino ผู้ตรวจสอบบัญชีของ FTX มีรายงานว่าหยุดทำงานกับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโต อย่าง OKX และ Gate.io เช่นเดียวกัน
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/12/16/binances-native-bnb-token-plunges-to-lowest-since-july.html
- https://www.cnbc.com/2022/12/16/mazars-suspends-all-work-with-crypto-clients-including-binance-cryptocom.html
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-12-16/mazars-to-pause-all-work-for-crypto-clients-binance-says-lbqbamw7?srnd=premium
