×

พาชมโรงงานผลิตรถยนต์ในตำนาน แหล่งกำเนิดขุนพลสี่ล้อแห่งบาวาเรีย ยานแม่ของ BMW iX และยนตรกรรมแห่งอนาคตอีกหลากหลายรุ่นนับจากนี้ [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
21.06.2021
  • LOADING...
BMW iX

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • BMW เริ่มฐานการผลิตรถยนต์ที่เมืองดิงโกลฟิงมาตั้งแต่ปี 1970 และทำให้เมืองนี้กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ BMW ที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคยุโรปในปัจจุบัน
  • โรงงงานดิงโกลฟิง เป็นต้นแบบของโรงงานสีเขียว ใช้พลังงานสะอาด และมีการจัดสรรทรัพยากรอย่างคุ้มค่า รวมถึงนำทรัพยากรธรรมชาติมาเป็นวัสดุในการผลิตรถยนต์ด้วย
  • รวมถึงเป็นฐานการผลิตโมดูลแบตเตอรี่แรงดันสูงและเครื่องยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก และรถยนตไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ โดย BMW iX ถูกตัดสายสะดือจากที่นี่ และยังมีอีกหลายรุ่นในอนาคตที่จ่อคิวออกจากโรงงานดิงโกลฟิง อาทิ BMW i4 

สำหรับชาวโลก ดิงโกลฟิง คือเมืองสำคัญที่ผ่านเรื่องราวเข้มข้นทางประวัติศาสตร์มาหลายยุคหลายสมัย และมีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กสำคัญ คือโบสถ์เซนต์โจเซฟโรมันคาทอลิก หากแต่สำหรับ BMW และชาวบิมเมอร์แล้วนั้น อาจเรียกได้ว่าเมืองนี้คือฐานทัพสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้งของ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีปริมาณการผลิตรถยนต์สายพันธุ์บาวาเรียสูงที่สุดในบรรดาโรงงานทั้งหมดของยุโรป และถ้าจะเรียกว่าที่นี่คือ ยานแม่ของบีเอ็มดับเบิลยู ก็คงจะไม่ผิดนัก

 

BMW Group เริ่มฐานการผลิตรถยนต์ที่เมืองดิงโกลฟิงมาตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งเมื่อ BMW เข้ามาสร้างฐานรากในเมืองทางตอนใต้แคว้นบาวาเรียแห่งนี้ ดิงโกลฟิลก็เพิ่มสถานะเป็นมากกว่าแค่เมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทว่ายังเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ เต็มไปด้วยพื้นที่ของการพัฒนาและความเจริญจนกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ BMW ที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคยุโรป

 

 

เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้วที่ยานแม่เมืองดิงโกลฟิงไม่เคยหลับใหล ฟูมฟักรถยนต์สู่อ้อมกอดเหล่าบิมเมอร์มาแล้วมากกว่าสิบล้านคัน ปัจจุบันรับตำแหน่งเป็นต้นแบบของโรงงานสีเขียวด้วย โดยเน้นบทบาทสำคัญไปที่ระบบการผลิตด้วยพลังงานสะอาด 100% ประณีตพิถีพิถันกับการคัดสรรชิ้นส่วนวัสดุทุกขั้นตอน โดยใช้วัสดุธรรมชาติและรีไซเคิล รวมถึงเป็นฐานการผลิตโมดูลแบตเตอรี่แรงดันสูงและเครื่องยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก และรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงสุภาพบุรุษสุดหล่อที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่าง BMW iX ที่เพิ่งเปิดตัวไปล่าสุด และ BMW i4 ในอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี E-Drive ซึ่งนับเป็นฐานการผลิตโมดูลแบตเตอรี่แรงดันสูงและเครื่องยนต์ไฟฟ้าสำหรับรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊กและรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบของโรงงานแห่งนี้อีกด้วย โดยทาง BMW Group ทุ่มทุนกว่า 500 ล้านยูโร ขยายการผลิตเพื่อให้มีศักยภาพสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งใจว่า โรงงานแห่งนี้จะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 5 แสนคันในปี 2022

 

 

หัวใจสำคัญของโรงงานดิงโกลฟิง คือพลังงานสะอาด โรงงานได้ยึดมั่นในปรัชญาการออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู ที่จะหลีกเลี่ยงการใช้แร่แรร์เอิร์ธในโรเตอร์ของระบบขับเคลื่อน มีการจัดหาแร่ธาตุโคบอลต์และลิเทียม ซึ่งใช้ในการผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูง จากแหล่งผลิตภายใต้การควบคุมในประเทศออสเตรเลียและโมร็อกโก จากนั้นจึงส่งไปยังผู้ผลิตแบตเตอรี่แรงดันสูง พร้อมกันนี้ก็ได้ดำเนินการจัดหาอะลูมิเนียมพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในไลน์การผลิตด้วย ล่าสุด BMW Group ได้ลงนามสัญญาในการใช้ไฟฟ้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่น iX จากสถานีไฟฟ้าพลังน้ำ ตามรอยโรงงาน Leipzig ที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานลมเพื่อผลิตรถรุ่น i3 มาตั้งแต่ปี 2013

 

ไม่เพียงแต่เรื่องการจัดหาพลังงานสะอาด แต่ยังครอบคลุมถึงการจัดการทรัพยากรในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อะลูมิเนียมที่ผ่านกระบวนการหล่อจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ พลาสติกก็เช่นกัน ในส่วนของห้องโดยสารนั้นก็มีวัสดุจากธรรมชาติ อย่างวัสดุไม้ที่รับรองจาก FSC หนังฟอกด้วยสารสกัดจากใบมะกอก พรมปูพื้นรถจากแหจับปลาที่ผ่านการรีไซเคิล และส่วนประกอบจากธรรมชาติอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้คุณสามารถจับต้องอย่างเป็นรูปธรรมได้จาก BMW iX 

 

 

BMW iX พร้อมให้คุณสัมผัสประสบการณ์พลังงานสะอาดจากยานแม่แห่งเมืองดิงโกลฟิง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความคล่องตัวแบบสปอร์ต ด้วยการออกแบบภายนอกที่เน้นความปราดเปรียวและทรหด ในขณะที่ภายในถูกตกแต่งอย่างหรูหราทุกซอกมุมด้วยคอนเซปต์รักษ์ธรรมชาติ เพื่อให้ยนตรกรรมคันนี้เป็น Sport Activity Vehicle ในรูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างลงตัวมากที่สุด สมฐานะของการเป็น BMW รุ่นเรือธงในด้านนวัตกรรมแห่งอนาคต ทั้งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระบบการทำงานภายใน ระบบการเชื่อมต่อ และระบบดิจิทัล ที่จะนำเสนอประสบการณ์ของผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้ประทับใจกว่าที่ผ่านมา

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X