วานนี้ (28 มกราคม) นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เนื่องด้วยปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ เกินค่ามาตรฐานต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งจากการเฝ้าระวังโรคและผลกระทบสุขภาพที่เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศของสำนักการแพทย์และสำนักอนามัยพบว่า ผู้ป่วยกลุ่มโรคที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้น ต้องมีการติดตามสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบทางสุขภาพและติดตามข้อมูลสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด จึงพิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรณีฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน เพื่อเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากฝุ่นละออง สร้างสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมของประชาชน และบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นพ.สุนทร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ได้สั่งการให้ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่และหน่วยบริการสาธารณสุขเคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งจัดทีมปฏิบัติการลงพื้นที่ชุมชนเพื่อเยี่ยมติดตามผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง พร้อมกำชับให้สถานพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครดูแลรักษาสุขภาพประชาชนในสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน
สำหรับในช่วงที่ฝุ่นหนาแน่นระดับสีแดง (ค่า PM2.5 ตั้งแต่ 75.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) กรุงเทพมหานครขอแนะนำประชาชนควรปิดประตูหน้าต่างให้สนิทหรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่น หลีกเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง ลดเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้านและงดออกกำลังกายกลางแจ้ง ถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาก N95 เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ ผู้ป่วยกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรสังเกตตนเอง
ทั้งนี้ หากมีอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ โดยสามารถเข้าไปที่คลินิกมลพิษทางอากาศทั้ง 8 แห่ง ในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง, โรงพยาบาลตากสิน, โรงพยาบาลราชพิพัฒน์, โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ, โรงพยาบาลนคราภิบาล และโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ ตลอดจนศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ หรือพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน ‘หมอ กทม.’ เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนของผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม